Search This Blog

Sunday, April 6, 2025

ซัมโปะ โยชิ: วิถีพุทธสู่ความสำเร็จทางธุรกิจแบบยั่งยืน

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การแสวงหาผลกำไรสูงสุดมักถูกมองว่าเป็นเป้าหมายหลัก แต่ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีหลักการทางธุรกิจที่แตกต่างออกไป นั่นคือ "ซัมโปะ โยชิ" (Sanpo Yoshi) ซึ่งแปลว่า "ความพึงพอใจสามประการ" หลักการนี้ไม่ได้มองแค่ผลกำไรของบริษัท แต่ยังให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าและสังคมโดยรวมด้วย

ซัมโปะ โยชิ: รากฐานจากวิถีพุทธ

ซัมโปะ โยชิ มีรากฐานที่เชื่อมโยงกับหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัก "สัมมาอาชีวะ" ซึ่งหมายถึงการเลี้ยงชีพชอบ การประกอบอาชีพที่สุจริต ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคม

หลักการนี้สะท้อนให้เห็นว่า การทำธุรกิจที่แท้จริง ไม่ได้หมายถึงการแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างประโยชน์และความสุขให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

สามเสาหลักของซัมโปะ โยชิ

ผู้ขาย (Urite Yoshi): บริษัทต้องได้รับผลกำไรที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

ผู้ซื้อ (Kaite Yoshi): ลูกค้าต้องได้รับสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

สังคม (Seken Yoshi): ธุรกิจต้องมีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยรวม เช่น การสร้างงาน การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม หรือการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคม

ซัมโปะ โยชิ ในโลกธุรกิจยุคใหม่

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและจริยธรรมมากขึ้น ซัมโปะ โยชิ จึงเป็นหลักการที่น่าสนใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม

บริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลักซัมโปะ โยชิ จะได้รับประโยชน์มากมาย เช่น:

สร้างความไว้วางใจและความภักดีจากลูกค้า

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานและชุมชน

สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท

สร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

ซัมโปะ โยชิ เป็นมากกว่าแค่หลักการทางธุรกิจ แต่เป็นวิถีคิดที่สะท้อนถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่น การนำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้ จะช่วยสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับธุรกิจและสร้างประโยชน์สุขให้กับสังคมโดยรวม

Monday, March 10, 2025

ดอก Crocus สัญลักษณ์ แห่งปลายฤดูหนาว ต้นฤดูบนใบไม้ผลิ ประเทศเยอรมนี

ดอก Crocus ซึ่งเป็นดอกไม้ขนาดเล็กที่มักบานในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิหรือปลายฤดูหนาว เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิ (เป็นพืชดอกประเภทดอกบัวดิน) ลักษณะเด่นมีกลีบดอกบาง สีม่วงอ่อนถึงสีลาเวนเดอร์ พร้อมเกสรสีเหลืองสด มักขึ้นใน ทุ่งหญ้า สวน หรือป่าโปร่ง ที่มีอุณหภูมิเย็น เป็นพืชหัว (Corm plant) ที่สามารถเจริญเติบโตในดินที่มีความชื้นปานกลาง






ในเชิงความสำคัญและสัญลักษณ์ กล่าวกันว่า สื่อถึง ความหวังและการเริ่มต้นใหม่ครับ ที่โดดเด่นอีกเรื่อง คือ เขาเป็นหนึ่งใน ดอกไม้แรกที่ผลิบานในยุโรป หลังจากฤดูหนาว

ตามท้องหญ้าในเขตอุทยานแห่งพระราชวังซงโซซี (Sanssouci Palace Park) ดอก Crocus กำลังผุดขึ้นจาก พื้นดินที่ผ่านความหนาวและกองหิมะในฤดูหนาว และกำลังเข้าสู่ผืนดินแห่งฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นของเมือง Podsdam เมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง ใกล้กรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมนี

ณัฐพล จารัตน์

09.03.2568

Podsdam, Germany


Monday, March 3, 2025

เยือนศูนย์ญี่ปุ่น-เยอรมันแห่งเบอร์ลิน: สะพานเชื่อมสองวัฒนธรรม {A Visit to the Japanese-German Center Berlin: A Bridge Between Two Cultures}

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ซึ่งถือเป็น วันเด็กผู้หญิงของญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า เทศกาลฮินะมะทซึริ (Hinamatsuri) ข้าพเจ้ามีโอกาสเดินทางมายัง ศูนย์ญี่ปุ่น-เยอรมันแห่งเบอร์ลิน (JDZB) เพื่อเข้าชมนิทรรศการที่น่าสนใจและสัมผัสกับวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงทั้งสองประเทศ

สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นกลางกรุงเบอร์ลินเมื่อก้าวเข้าสู่ JDZB ข้าพเจ้ารู้สึกเสมือนเดินทางเข้าสู่บรรยากาศของญี่ปุ่นใจกลางกรุงเบอร์ลิน การออกแบบอาคารของศูนย์แห่งนี้สะท้อนถึง ความงามแบบญี่ปุ่นที่เรียบง่าย ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของเยอรมัน บริเวณโดยรอบยังมี สวนญี่ปุ่นขนาดเล็ก ที่ให้ความรู้สึกสงบเงียบ

ภายในศูนย์มีการจัดแสดงเกี่ยวกับ เทศกาลฮินะมะทซึริ ซึ่งมีการจัดวาง ตุ๊กตาฮินะ (Hina Ningyo) แต่งกายแบบขุนนางในราชสำนักสมัยเฮอัน ตุ๊กตาเหล่านี้ถูกจัดเรียงบนแท่น "ฮินะดัน" โดยมีจักรพรรดิและจักรพรรดินีอยู่บนสุด พร้อมด้วยข้าราชสำนักและของตกแต่งต่างๆ ความละเอียดอ่อนของการจัดแสดงนี้ทำให้ข้าพเจ้าต้องหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพ

ภายในศูนย์จัดนิทรรศการพิเศษ: "Expo-Dialoge: Japan und Deutschland – อดีต ปัจจุบัน และอนาคต" ซึ่งเป็นผลงานของ โทมัส ชรีเฟอร์ส (Thomas Schiefers) ศิลปินชาวเยอรมันที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวาดภาพเมือง นิทรรศการนี้สะท้อนถึง วิวัฒนาการของงาน World Expo ผ่าน ภาพสเก็ตช์และภาพคอลลาจ ที่แสดงถึง สถาปัตยกรรมของมหกรรมโลกในแต่ละยุคสมัย โดยเน้นไปที่บทบาทของ ญี่ปุ่นและเยอรมนี ในนิทรรศการระดับนานาชาติเหล่านี้ นอกจากนี้ นิทรรศการยังเชื่อมโยงไปถึง งาน Expo 2025 ที่โอซาก้า-คันไซ ซึ่งกำลังจะมาถึงในปีนี้ครับ

จะเดินทางไปชมนิทรรศการได้ที่นี่ครับ

สถานที่จัดแสดง: ศูนย์ญี่ปุ่น-เยอรมันแห่งเบอร์ลิน (JDZB)

ระยะเวลาจัดแสดง: 26 มกราคม 2025 - 30 พฤษภาคม 2025

เวลาเปิดทำการ: วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 10:30 - 17:30 น.

สามารถดูรายละเอียดจากเว็บ Startseite | Japanese-German Center Berlin (https://jdzb.de/en)

JDZB ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์วัฒนธรรม แต่ยังเป็นสถานที่สำคัญสำหรับ การประชุมเชิงวิชาการ การเจรจาทางเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยมีการจัดสัมมนาในหัวข้อที่สำคัญ เช่น เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม พลังงานและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและนวัตกรรม ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การแปลงระบบดิจิทัล และเมืองอัจฉริยะ

การเยี่ยมชม JDZB ในครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจถึง ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างญี่ปุ่นและเยอรมนี ไม่เพียงแค่ในแง่ของวัฒนธรรมและศิลปะ แต่ยังรวมไปถึงความร่วมมือในระดับโลก จาก การเฉลิมฉลองเทศกาลฮินะมะทซึริ ไปจนถึงการวิเคราะห์แนวโน้มของมหกรรมโลกในอนาคต ข้าพเจ้ารู้สึกว่า JDZB เป็นสถานที่ที่แสดงถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและแนวคิดของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี

หากท่านอยู่ในกรุงเบอร์ลินและสนใจเกี่ยวกับ ญี่ปุ่น สถาปัตยกรรม และความร่วมมือระหว่างประเทศ ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ลองแวะมาเยี่ยมชม ศูนย์ญี่ปุ่น-เยอรมันแห่งเบอร์ลิน (JDZB) ท่านอาจค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ๆ จากสถานที่แห่งนี้


A Visit to the Japanese-German Center Berlin: A Bridge Between Two Cultures

On March 3rd, known in Japan as Hinamatsuri or Girls' Day, I had the opportunity to visit the Japanese-German Center Berlin (JDZB) to explore an exhibition and experience a cultural exchange between Japan and Germany.

Experiencing Japan in the Heart of Berlin

Stepping into JDZB, I felt transported into a piece of Japan right in the middle of Berlin. The center’s architecture blends minimalist Japanese aesthetics with modern German design. Outside, a small Japanese garden provided a tranquil space, offering a moment of serenity before stepping into the exhibition.

Inside, I encountered an elaborate Hinamatsuri display, featuring traditional Hina dolls dressed in exquisite Heian-era court attire. These dolls were arranged on a hinadan, a multi-tiered platform with the Emperor and Empress at the top, surrounded by courtiers and decorations. I couldn't resist capturing the beautiful setup with my camera.

A Special Exhibition: "Expo-Dialogues: Japan and Germany – Past, Present, Future"

Beyond the Hinamatsuri exhibition, JDZB also featured a fascinating art exhibition: "Expo-Dialoge: Japan und Deutschland – Gestern, heute, morgen" (Expo Dialogues: Japan and Germany – Past, Present, Future), showcasing works by Thomas Schiefers, a German artist specializing in architectural drawings and urban design.

This exhibition highlights the evolution of World Expos through intricate sketches and collages, emphasizing the role of Japan and Germany in these global events. It also serves as a bridge to the upcoming Expo 2025 Osaka-Kansai, reflecting on how these nations continue to shape global innovation and architectural trends.

Exhibition Details:

  • Location: JDZB, Berlin
  • Dates: January 26, 2025 - May 30, 2025
  • Opening Hours: Monday - Friday, 10:30 AM - 5:30 PM

JDZB: More Than Just a Cultural Center

Beyond exhibitions, JDZB plays a vital role in academic, economic, and diplomatic relations between Japan and Germany. The center regularly hosts discussions on key topics such as:

  • Economic and Industrial Policy: Labor market changes and business collaboration
  • Energy and Environment: Green energy policies and climate change cooperation
  • Technology and Innovation: AI, digital transformation, and smart cities

Final Thoughts

My visit to JDZB deepened my appreciation for the rich relationship between Japan and Germany. From traditional celebrations like Hinamatsuri to discussions on future global expos, this center embodies cultural exchange at its best.

If you are in Berlin and interested in Japan’s culture, architecture, and future collaborations, I highly recommend visiting JDZB. It's a place where past and future intersect, fostering a deeper understanding between two great nations.


Ein Besuch im Japanisch-Deutschen Zentrum Berlin: Eine Brücke zwischen zwei Kulturen

Am 3. März, dem Hinamatsuri-Fest (Mädchenfest) in Japan, hatte ich die Gelegenheit, das Japanisch-Deutsche Zentrum Berlin (JDZB) zu besuchen, um eine faszinierende Ausstellung zu erkunden und mehr über den kulturellen Austausch zwischen Japan und Deutschland zu erfahren.

Japan mitten in Berlin erleben

Beim Betreten des JDZB hatte ich das Gefühl, in ein Stück Japan inmitten von Berlin einzutauchen. Die Architektur des Zentrums verbindet minimalistische japanische Ästhetik mit modernem deutschen Design. Draußen sorgte ein kleiner japanischer Garten für eine ruhige Atmosphäre.

Im Inneren stieß ich auf eine aufwendig gestaltete Hinamatsuri-Ausstellung, die traditionelle Hina-Puppen zeigte, die prächtige Gewänder aus der Heian-Zeit trugen. Diese Puppen waren auf einer mehrstufigen Plattform (Hinadan) angeordnet, mit dem Kaiser und der Kaiserin an der Spitze, umgeben von Höflingen und kunstvollen Dekorationen.

Sonderausstellung: "Expo-Dialoge: Japan und Deutschland – Gestern, heute, morgen"

Neben der Hinamatsuri-Ausstellung präsentierte das JDZB auch eine besondere Kunstausstellung: "Expo-Dialoge: Japan und Deutschland – Gestern, heute, morgen", mit Werken des deutschen Künstlers Thomas Schiefers, der sich auf Architekturzeichnungen und Stadtplanung spezialisiert hat.

Diese Ausstellung zeigt die Entwicklung der Weltausstellungen anhand detaillierter Skizzen und Collagen und hebt die bedeutende Rolle von Japan und Deutschland in diesen globalen Veranstaltungen hervor. Sie gibt auch einen Einblick in die kommende Expo 2025 Osaka-Kansai und die fortlaufende Innovationskraft beider Nationen.

Ausstellungsdetails:

  • Ort: JDZB, Berlin
  • Zeitraum: 26. Januar 2025 - 30. Mai 2025
  • Öffnungszeiten: Montag - Freitag, 10:30 - 17:30 Uhr

Das JDZB: Mehr als ein Kulturzentrum

Das JDZB ist nicht nur ein Kulturzentrum, sondern auch eine wichtige Plattform für wissenschaftliche, wirtschaftliche und diplomatische Beziehungen zwischen Japan und Deutschland. Regelmäßig finden hier Diskussionen zu zentralen Themen statt, darunter:

  • Wirtschafts- und Industriepolitik: Veränderungen auf dem Arbeitsmarkt und Unternehmenskooperationen
  • Energie und Umwelt: Strategien für grüne Energie und Klimaschutzmaßnahmen
  • Technologie und Innovation: Künstliche Intelligenz, digitale Transformation und Smart Cities

Fazit

Mein Besuch im JDZB hat meine Wertschätzung für die tief verwurzelte Beziehung zwischen Japan und Deutschland verstärkt. Von traditionellen Festen wie dem Hinamatsuri bis hin zu Zukunftsvisionen auf Weltausstellungen – das JDZB ist ein lebendiges Symbol für kulturellen Austausch.

Falls Sie sich für japanische Kultur, Architektur und zukünftige Kooperationen interessieren und in Berlin sind, kann ich Ihnen einen Besuch im JDZB nur empfehlen. Es ist ein Ort, an dem Vergangenheit und Zukunft aufeinandertreffen und das gegenseitige Verständnis zwischen zwei großartigen Nationen vertieft wird.

Saturday, March 1, 2025

สันติภาพกับพุทธศาสนา: การพิจารณาเชิงแนวคิดจากมุมมองของโยฮัน กัลตุง (Peace and Buddhism: A Conceptual Examination from Johan Galtung's Perspective)

บทความวิชาการนี้ ผมตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อเปรียบเทียบและวิเคราะห์ความคิดสันติภาพกับพระพุทธศาสนาจากมุมมองของบิดาแห่งสันติภาพสากล โยฮัน กัลตุง ที่ท่านแสดงไว้ในบทความของท่านชื่อ Peace and Buddhism 

ช่วงที่ผมเรียนปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย หรือ มหาจุฬา ผมเคยติดต่อท่านสอบถามเกี่ยวกับสมการสันติภาพ ท่านกรุณาตอบและ retweet ทุกครั้ง ตอนนี้ท่านจากไปแล้วแต่ยังฝากผลงานและแนวคิดทรงอิทธิพลต่อวงการวิชาการสันติศึกษาและความขัดแย้งไว้มากมาย 

ผลงานวิชาการชิ้นนี้ของผมเทียบกับท่านได้เพียงเศษเสี้ยวเล็ก ผมเพียงหวังว่าจะเป็นเสี้ยวเล็ก ๆ ที่เป็นประโยชน์ในการค้นคว้าที่ยิ่งใหญ่ของนักศึกษาและผู้สนใจทางวิชาการครับ

สังกัดที่ผมใช้ในบทความนี้ คือ ผู้ไกล่เกลี่ยตาม พ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 กระทรวงยุติธรรม (ทะเบียนเลขที่ 724/2565) เป็นผู้ไกล่เกลี่ยขึ้นทะเบียนกับกรมคุ้มครองสิทธิ์ครับ

ท่านอ่านบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และเข้าไปดาวน์โหลดฉบับเต็มจากลิ้งก์ด้านล่างได้ครับ

ณัฐพล จารัตน์

เบอร์ลิน

07.03.2568



บทคัดย่อ

บทความนี้วิเคราะห์บทบาทของพุทธศาสนาในการสร้างสันติภาพผ่านกรอบแนวคิดของโยฮัน กัลตุง โดยเปรียบเทียบแนวคิดของพุทธศาสนาและกัลตุง พุทธศาสนาเน้นสันติภาพภายในผ่านการลดกิเลสและพัฒนาจิตใจ ซึ่งเป็นรากฐานของสันติภาพภายนอก ขณะที่กัลตุงเสนอแนวคิดสันติภาพเชิงบวกโดยการลดความรุนแรงทางตรง ความรุนแรงเชิงโครงสร้างและเชิงวัฒนธรรม เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรม และสำรวจความเป็นไปได้ในการบูรณาการแนวคิดทั้งสองเพื่อพัฒนาสันติภาพในสังคมพหุวัฒนธรรม 

โดยพบว่าพุทธศาสนามีข้อจำกัดในบริบทสังคมสมัยใหม่ที่ซับซ้อน ขณะที่แนวคิดของกัลตุงช่วยเสริมให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างมิติทางจิตวิญญาณและสังคม นอกจากนี้ บทความนี้ได้พิจารณาถึงศักยภาพของพุทธศาสนาในการเป็นเครื่องมือแก้ไขความขัดแย้งและลดความรุนแรง พร้อมทั้งวิเคราะห์จุดแข็งและข้อจำกัดของการประยุกต์ใช้แนวคิดดังกล่าว การผสมผสานแนวคิดของกัลตุงและพุทธศาสนานำไปสู่กรอบวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับการสร้างสันติภาพในสังคมที่หลากหลาย ทั้งยังสามารถนำไปใช้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงความขัดแย้งและการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในระดับประเทศและสากล 

คำสำคัญ : สันติภาพกับพุทธศาสนา, การสร้างสันติภาพ, สันติภาพเชิงบวก

 Abstract 

This article examines the role of Buddhism in peacebuilding through a conceptual analysis based on Johan Galtung's perspective, comparing the viewpoints of Buddhism and Galtung. Buddhism emphasises inner peace through the reduction of defilements (Kleshas) and the cultivation of the mind, which serves as the foundation for outer peace. In contrast, Galtung proposes the concept of positive peace by addressing direct, structural, and cultural violence to promote social justice. The article explores the potential integration of both perspectives to foster peace in multicultural societies.
The findings indicate that Buddhism faces limitations in the complex context of modern society, while Galtung’s concept highlights the connection between spiritual and social dimensions. Furthermore, this article examines the potential of Buddhism as a tool for conflict resolution and violence reduction, assessing both its strengths and limitations. The integration of Galtung’s and Buddhism’s concepts provides a more comprehensive analytical framework for peacebuilding in diverse societies and offers valuable insights for conflict transformation and sustainable peace efforts at both national and international levels.

Keywords: Buddhism and peace, Peacebuilding, Positive peace




Tuesday, February 18, 2025

สารคดีรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรปครบรอบ 100 ปี มีตอนที่ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเยอรมัน เปรียบเทียบกับปัจจุบัน (2550)

สารคดีรัชกาลที่ 5 เสด็จยุโรปครบรอบ 100 ปี มีตอนที่ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเยอรมัน เปรียบเทียบกับปัจจุบัน (2550) 


ตอนที่ 15 เสด็จเยือนเยอรมนี (ภาพรวม) 


ตอนที่ 16 เสด็จเมืองบาเดน บาเดน รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค


ตอนที่ 17 เสด็จเมืองไฮเดลแบร์ก


ตอนที่ 18 เสด็จเมืองมันน์ไฮม์ และเมืองคาร์ลสรู (Mannheim and Karlsruhe)


ตอนที่ 19 เสด็จเมืองสตราสบูร์ก (ตอนนี้เป็นของฝรั่งเศส) และแฟรงก์เฟิร์ต


ตอนที่ 38 เสด็จเมืองคีล และเมืองเบอร์ลิน)


ตอนที่ 39 เสด็จเมืองคาสเซิลและเมืองบราชไวซ์


ตอนที่ 40 เสด็จเมืองบาดฮาร์ซบูร์ก และเมืองโคโลญจน์



Monday, January 27, 2025

Commemorate the 80th anniversary of the liberation of the German Nazi concentration and extermination camp at Auschwitz

I solemnly commemorate the 80th anniversary of the liberation of the German Nazi concentration and extermination camp, Auschwitz today, on January 27, 2025. Last year, on December 20th, I had the poignant opportunity to visit Auschwitz in Poland. Although I had learned about the camp through various media, I could not fathom the extent of the horrors experienced there during World War II.

Walking through the narrow, dormitory-like barracks, I could almost feel the suffering endured by the victims. Stepping into the gas chamber left me speechless and stunned, overwhelmed by the thought of the countless lives mercilessly taken there. The scenes before my eyes filled me with deep sorrow. I stood still, offering my heartfelt compassion to the victims. May they rest in peace.


































Thursday, January 23, 2025

"มาตรา 865"การเปิดเผยความจริงและสิ่งที่ต้องเข้าใจก่อนตกลงทำประกันภัยทางโทรศัพท์ (Section 865: Truth Disclosure and What to Understand Before Agreeing to Insurance Over the Phone)

หลายท่านเคยรับสายจากเบอร์ไม่คุ้นเคย เมื่อรับสายจึงทราบว่า ท่านได้รับข้อเสนอทำประกันภัย การทำประกันภัยเป็นการลงทุนบริหารความเสี่ยงสำหรับชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยสุดวิสัย ประกันภัยมีหลายประเภทซึ่งผู้จะทำประกันภัยสามารถเลือกตามความจำเป็นหรือตามทุนประกันและสิทธิประโยชน์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ทางภาษี การคุ้มครองชีวิต การจ่ายค่ารักษาพยาบาล การได้รับเงินชดเชยกรณีขาดงาน หรือเป็นการสะสมทรัพย์ ซึ่งวิธีการซื้อประกันภัยสามารถซื้อผ่านตัวแทนโดยตรง ซื้อออนไลน์ด้วยตัวเอง และผ่านตัวแทนขายผ่านทางโทรศัพท์ (Telesale) โดยเฉพาะการขายผ่านทางโทรศัพท์ บางท่านปฏิเสธทันที บางท่านอาจบอกว่าติดงาน ติดประชุม หรือไม่สะดวกรับสาย สำหรับบางท่านตอบ “ตกลงทำประกัน” เสร็จแล้ว จากนั้นหน้าที่ต่อไปของตัวแทนขายประกันภัย คือ การอ่านเงื่อนไขยาว ๆ หลายข้ออย่างรวดเร็ว จนฟังแทบไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ถ้าตั้งใจฟังดี ๆ จะได้ยินตัวแทนขายประกันอ้างถึงมาตรา 865 ซึ่งหลายคนไม่รู้เลยว่าคืออะไร


มาตรา 865 เป็นกฎหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยการประกันภัย บัญญัติว่า “ถ้าในเวลาทำสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยก็ดี หรือในกรณีประกันชีวิต บุคคลอันการใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของเขานั้นก็ดี รู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเป็นโมฆียะ” สิ่งที่บัญญัติไว้เป็นภาษากฎหมายอาจเข้าใจไม่ง่ายนัก แต่สาระสำคัญของมาตราที่ท่านต้องเข้าใจ คือ “การเปิดเผยข้อความจริง” 

“การเปิดเผยข้อความจริง” หมายถึง ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจตกลงทำประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันใด ๆ ท่านต้องไม่จงใจปกปิดหรือไม่บอกความจริง เช่น การทำประกันสุขภาพ  ตัวแทนจะถามคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน เช่น โรคหรือเคยเป็นโรคที่ห้ามให้รับประกันภัยหรือไม่  เคยได้รับการผ่าตัดหรือไม่ มีโรคประจำตัวอะไร ท่านมีหน้าที่ต้องแถลงหรือบอกความจริงของสุขภาพของท่านโดยละเอียด ไม่ใช่ว่าขณะที่จะทำประกัน ท่านรู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคหรือกำลังป่วย จึงต้องการจะทำประกันสุขภาพเพื่อหวังสิทธิประโยชน์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง 

เหตุใดที่ผู้ทำประกันไม่ต้องการบอกความจริง อาจมีสาเหตุสำคัญ 3 ประเด็น คือ

1) ผู้ทำประกันเกรงว่าถ้าบริษัทรับทำประกันทราบความจริง จะไม่รับทำประกันภัย 

2) ผู้ทำประกันเกรงว่าถ้าบริษัทรับทำประกันทราบความจริง จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยสูง และ

3) ผู้ทำประกันภัยหวังจะได้สิทธิและผลประโยน์จากการทำประกันภัย

หากตรวจสอบได้ภายหลังว่าท่านไม่เปิดเผยความจริง การทำประกันภัยทั้งหมดจะถือว่าเสมือนไม่เคยเกิดขึ้น แสดงถึงความไม่สุจริตใจของผู้จะทำประกันภัย ในทางกลับกัน ท่านอาจมีอาการเจ็บป่วยมาก่อนแล้วแต่ท่านไม่ได้ทราบเพราะยังไม่เคยตรวจสุขภาพ แต่เมื่อทำประกันแล้วเกิดอาการป่วยขึ้นก็ถือได้ว่าไม่ได้ปิดปังอาการป่วยของตนเอง อย่างไรก็ดี การตีความหมายของการเปิดเผยความจริงในหลายกรณีอาจไม่สามารถตัดสินกันได้ จึงจำเป็นต้องนำขึ้นพิสูจน์ในชั้นศาลก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง

(Microsoft Copilot AI Generated)

ฉะนั้น สิ่งควรต้องพิจารณาเมื่อต้องตกลงทำประกันภัยทางโทรศัพท์

ท่านพร้อมจะเปิดเผยความจริงและไม่ปกปิด เช่น อาการหรือประวัติการเจ็บป่วย ท่านควรเล่าอาการป่วยอย่างละเอียด

ตัวแทนขายผ่านทางโทรศัพท์จะพูดเร็ว ตั้งแต่บอกชื่อ-นามสกุล และรหัสตัวแทนประกันภัย หากฟังไม่ทัน ท่านสามารถขอให้ตัวแทนขายพูดทวนช้า ๆ ชัด ๆ อีกครั้งก็ได้

หากตกลงทำประกัน ตัวแทนขายจะอ่านสคริปเงื่อนไขการรับประกันภัยอย่างเร็ว ถ้าฟังไม่ทันหรือไม่เข้าใจ ท่านต้องถามและขอให้พูดทวนช้า ๆ ชัด ๆ ก็ได้เช่นกัน

หากฟังข้อเสนอหรือเงื่อนไขแล้ว ยังไม่เข้าใจและอยากจะใช้เวลาตัดสินใจ ท่านสามารถบอกให้ตัวแทนโทรมาในวันอื่นก็ได้

(Microsoft Copilot AI Generated)

อย่างไรก็ตาม ท่านต้องรู้ด้วยว่า ระหว่างที่ท่านสนทนากับตัวแทนประกันภัย เสียงของท่านจะถูกบันทึกไว้ “เพื่อการปรับปรุงการบริการ” จึงขอแนะนำให้ท่านต้องพูดคุยอย่างสุภาพ พูดคุยสอบถามอย่างละเอียด ไม่เข้าใจตรงไหนให้ถาม เพราะเสียงที่บันทึกไว้จะเป็นประโยชน์ต่อท่าน “เพื่อการปรับปรุงบริการ” ที่จะได้รับจากการตกลงทำประกันภัยทางโทรศัพท์ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการทำประกันภัยที่เป็นธรรมต่อผู้จะทำประกันภัยและผู้รับประกันภัย

ณัฐพล จารัตน์
เบอร์ลิน
วันนี้ฝนตก

(ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาญี่ปุ่น ทำลองแปลโดย ChatGPT Pro)

ที่มาของข้อมูล

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.). “ปพพ.มาตรา865”. เข้าถึงได้จาก [https://www.oic.or.th/th/consumer/question/ปพพ.มาตรา86]

Money Hub. “รู้ก่อนซื้อ ! ลูกตื้อ ขายประกันทางโทรศัพท์”. เข้าถึงได้จาก [https://moneyhub.in.th/article/ insurance-tele-sale/]


English:

Many people have received calls from unfamiliar numbers, only to discover that they were being offered an insurance policy. Insurance is an investment in risk management for life and property, designed to prevent or mitigate unforeseen damages. There are many types of insurance, and individuals can choose one based on their needs, budget, and desired benefits, such as tax benefits, life protection, medical expense coverage, compensation for job loss, or savings accumulation. Insurance can be purchased directly through agents, online, or via telesales agents over the phone.

In particular, when insurance is sold over the phone, some people immediately decline the offer, some might say they are busy or in a meeting, while others might agree to the policy. Once agreed, the next step for the insurance agent is to quickly read out lengthy terms and conditions, often making it difficult for the customer to fully comprehend. However, if you pay close attention, you might hear the insurance agent refer to Section 865, which many people do not understand or are unaware of its significance.

Section 865 is a provision in the Civil and Commercial Code concerning insurance. It states:
“If, at the time of making the insurance contract, the insured, or in the case of life insurance, the person whose life or death the payment depends upon, knowingly omits to disclose the truth which might have influenced the insurer to demand a higher premium or to refuse the contract, or knowingly makes a false statement, the contract shall be voidable.”

The language of the law might not be easy to understand, but the key point you need to grasp is the importance of “disclosing the truth.”

“Disclosing the truth” means that before you decide to agree to a health, accident, or any type of insurance, you must not intentionally conceal or withhold the truth. For example, when applying for health insurance, the agent will ask questions about your health, such as whether you have any pre-existing conditions that are excluded from coverage, whether you have undergone surgery, or if you have any chronic illnesses. You are obligated to truthfully and thoroughly disclose your health information. It is highly inappropriate to deliberately apply for health insurance knowing that you are currently ill or suffering from a condition, solely to gain the benefits of the policy.

There are three main reasons why an applicant might withhold the truth:

  1. The applicant fears that if the company knows the truth, the policy will be declined.
  2. The applicant fears that disclosing the truth will result in higher premiums.
  3. The applicant seeks to gain benefits or compensation from the insurance.

If it is later discovered that you failed to disclose the truth, the entire insurance agreement will be considered null and void, reflecting dishonesty on the part of the applicant. On the other hand, if you were unaware of a pre-existing condition because you had never undergone a health checkup, and the condition manifests after the policy is in effect, this would not be considered intentional concealment. However, the interpretation of “disclosing the truth” can be complex in some cases, and such disputes often require legal resolution in court.

Things to Consider When Agreeing to Insurance Over the Phone

  1. Be Prepared to Disclose the Truth
    Be honest and transparent about your health conditions or medical history. If you have any symptoms or a history of illness, describe them in detail.

  2. Request Clarity from the Agent
    Insurance agents over the phone often speak quickly, including when stating their name, surname, and agent code. If you cannot keep up, you can ask the agent to repeat the information slowly and clearly.

  3. Understand the Terms
    If you agree to the policy, the agent will read the terms and conditions quickly. If you do not understand or cannot follow along, ask them to repeat and explain the details clearly.

  4. Take Your Time
    If you need more time to think or do not fully understand the offer or conditions, you can request that the agent call you back on another day.

Note:
During your conversation with the insurance agent, your voice will be recorded “for service improvement purposes.” Therefore, it is recommended that you speak politely, ask detailed questions, and seek clarification wherever needed. These recorded conversations can benefit you in ensuring that the service is fair and transparent for both the insurer and the insured.


German (Deutsch):

Viele Menschen haben Anrufe von unbekannten Nummern erhalten und dabei festgestellt, dass ihnen eine Versicherung angeboten wurde. Eine Versicherung ist eine Investition in das Risikomanagement für Leben und Eigentum, um unerwartete Schäden zu verhindern oder zu mindern. Es gibt viele Arten von Versicherungen, und man kann je nach Bedarf, Budget und gewünschten Vorteilen auswählen, wie zum Beispiel Steuervergünstigungen, Lebensschutz, Übernahme von medizinischen Kosten, Entschädigung bei Arbeitsausfall oder Vermögensaufbau. Versicherungen können direkt über Vertreter, online oder telefonisch über Telesales-Agenten abgeschlossen werden.

Insbesondere beim Verkauf über das Telefon lehnen manche Menschen das Angebot sofort ab, andere sagen, dass sie beschäftigt oder in einer Besprechung sind, während einige der Versicherung zustimmen. Sobald eine Zustimmung erfolgt, liest der Versicherungsvertreter die langen Vertragsbedingungen oft sehr schnell vor, was es schwer macht, alles zu verstehen. Wenn man jedoch genau hinhört, hört man möglicherweise einen Verweis auf Paragraph 865, dessen Bedeutung viele nicht kennen oder verstehen.

§ 865 ist eine Bestimmung im Zivil- und Handelsgesetzbuch, die sich auf Versicherungen bezieht. Sie lautet:
„Wenn der Versicherte oder im Falle einer Lebensversicherung die Person, deren Leben oder Tod die Zahlung betrifft, zum Zeitpunkt des Vertragsabschlusses wissentlich Tatsachen verschweigt, die den Versicherer dazu hätten veranlassen können, eine höhere Prämie zu verlangen oder den Vertrag abzulehnen, oder wissentlich falsche Angaben macht, ist der Vertrag anfechtbar.“

Die juristische Sprache mag schwer verständlich sein, aber der Kernpunkt, den Sie verstehen müssen, ist die Bedeutung der „Wahrheitsgemäßen Offenlegung“.

„Die Offenlegung der Wahrheit“ bedeutet, dass Sie, bevor Sie sich für eine Kranken-, Unfall- oder sonstige Versicherung entscheiden, keine Informationen absichtlich verschweigen oder zurückhalten dürfen. Zum Beispiel wird der Versicherungsvertreter bei einer Krankenversicherung Fragen zu Ihrer Gesundheit stellen, wie etwa, ob Sie Vorerkrankungen haben, die von der Versicherung ausgeschlossen sind, ob Sie bereits operiert wurden oder ob Sie chronische Krankheiten haben. Sie sind verpflichtet, Ihre Gesundheitsinformationen wahrheitsgemäß und ausführlich offenzulegen. Es ist äußerst unangebracht, absichtlich eine Krankenversicherung abzuschließen, wenn Sie bereits wissen, dass Sie krank sind, nur um von den Versicherungsleistungen zu profitieren.

Es gibt drei Hauptgründe, warum ein Antragsteller die Wahrheit möglicherweise nicht offenlegt:

  1. Der Antragsteller befürchtet, dass die Versicherung den Antrag ablehnen könnte, wenn die Wahrheit bekannt wird.
  2. Der Antragsteller befürchtet, dass die Prämien steigen könnten, wenn die Wahrheit bekannt wird.
  3. Der Antragsteller möchte von den Vorteilen oder Entschädigungen der Versicherung profitieren.

Wenn später festgestellt wird, dass Sie die Wahrheit nicht offengelegt haben, wird der gesamte Versicherungsvertrag als nichtig betrachtet, was auf Unehrlichkeit seitens des Antragstellers hinweist. Andererseits, wenn Sie sich einer bestehenden Erkrankung nicht bewusst waren, weil Sie nie eine Gesundheitsprüfung gemacht haben, und die Krankheit erst nach Abschluss der Versicherung auftritt, gilt dies nicht als absichtliches Verschweigen. Dennoch kann die Interpretation der „Offenlegung der Wahrheit“ in einigen Fällen kompliziert sein, und solche Streitigkeiten müssen oft vor Gericht geklärt werden.

Dinge, die Sie beachten sollten, wenn Sie telefonisch eine Versicherung abschließen

  1. Seien Sie bereit, die Wahrheit offenzulegen
    Seien Sie ehrlich und transparent über Ihren Gesundheitszustand oder Ihre Krankengeschichte. Beschreiben Sie Symptome oder frühere Krankheiten ausführlich.

  2. Klarheit vom Agenten verlangen
    Versicherungsagenten sprechen am Telefon oft schnell, auch wenn sie ihren Namen, Nachnamen und Agentencode nennen. Wenn Sie nicht folgen können, bitten Sie den Agenten, die Informationen langsam und deutlich zu wiederholen.

  3. Verstehen Sie die Bedingungen
    Wenn Sie der Police zustimmen, liest der Agent die Bedingungen schnell vor. Falls Sie nicht folgen können oder etwas nicht verstehen, bitten Sie darum, die Details erneut und verständlich zu erklären.

  4. Nehmen Sie sich Zeit
    Wenn Sie mehr Zeit zum Nachdenken benötigen oder die Bedingungen nicht vollständig verstehen, können Sie den Agenten bitten, Sie an einem anderen Tag zurückzurufen.

Hinweis:
Während des Gesprächs mit dem Versicherungsagenten wird Ihre Stimme „zur Verbesserung des Service“ aufgezeichnet. Daher wird empfohlen, höflich zu sprechen, detaillierte Fragen zu stellen und bei Unklarheiten nachzufragen. Diese Aufzeichnungen können dazu beitragen, sicherzustellen, dass der Versicherungsabschluss für beide Parteien fair und transparent ist.


Japanese (日本語):

多くの人が知らない番号から電話を受け、保険の提案を受けた経験があるでしょう。保険は、人生や財産のリスクを管理するための投資であり、予期せぬ損害を防ぐまたは軽減するためのものです。保険にはさまざまな種類があり、税制上のメリット、生命保護、医療費の補償、仕事を失った場合の補償、または資産形成など、必要性や予算、希望する特典に応じて選ぶことができます。保険は、直接代理店を通じて、オンラインで、または電話によるテレセールスを通じて購入することができます。

特に電話を通じた販売では、一部の人は即座に断ったり、「忙しい」「会議中」などと言って断る一方で、保険を承諾する人もいます。承諾した場合、次に保険代理人が長い契約条件を非常に速いペースで読み上げることがあり、内容を理解するのが難しい場合があります。しかし、注意深く聞くと、保険代理人が「第865条」に言及するのを耳にするかもしれませんが、その意味を知らない、または理解していない人が多いのです。

第865条は、保険に関する民法および商法の規定です。以下のように述べられています:
「保険契約の締結時において、被保険者または生命保険の場合、その生存または死亡に基づいて金銭の支払いが行われる者が、保険者が保険料を引き上げる、または契約を拒否する可能性がある事実を故意に開示せず、または故意に虚偽の説明を行った場合、その契約は取消可能とする。」

法律の文言は理解しづらいかもしれませんが、この条文で理解すべき重要な点は「真実を開示すること」の重要性です。

「真実を開示すること」とは、健康保険、傷害保険、その他の保険に加入する前に、意図的に事実を隠したり、虚偽の情報を提供したりしないことを意味します。たとえば、健康保険を申し込む際に、代理人は健康に関する質問をすることがあります。たとえば、保険対象外となる病気や既往症があるかどうか、手術を受けたことがあるか、慢性疾患を持っているかどうかなどです。健康に関する情報を正確かつ詳細に開示する義務があります。保険加入の時点で既に病気であることを知りながら、その利益を得るために健康保険を申し込むのは極めて不適切です。

申請者が真実を伝えたくない理由は主に3つあります:

  1. 保険会社が真実を知ると、契約を拒否されることを恐れている。
  2. 保険会社が真実を知ると、保険料が高くなることを恐れている。
  3. 保険の利益や補償を得ることを目的としている。

後に真実を開示しなかったことが判明した場合、保険契約はすべて無効となり、申請者の不誠実さを反映します。一方で、健康診断を受けたことがなく、自分の病状を知らない場合に限り、保険加入後に病気が発覚した場合、それは意図的な隠蔽とは見なされません。ただし、「真実を開示すること」の解釈は複雑な場合があり、法廷で争われるケースも頻繁に見られます。

電話で保険契約を結ぶ際に考慮すべきポイント

  1. 真実を開示する準備をする
    健康状態や病歴について正直かつ透明性を持って答えましょう。症状や病歴がある場合は、詳細に説明してください。

  2. 代理人に明確さを求める
    電話の保険代理人は、名前、苗字、代理人コードなどを含め、話すスピードが速い場合があります。聞き取れない場合は、代理人に情報をゆっくり、はっきり繰り返してもらうよう依頼してください。

  3. 条件を理解する
    保険に同意する場合、代理人は契約条件を素早く読み上げます。内容が理解できない場合や聞き取れない場合は、もう一度繰り返して詳細に説明してもらうようお願いしましょう。

  4. 時間をかける
    提案内容や条件を十分に理解できていない場合、またはじっくり考えたい場合は、別の日に再度連絡してもらうよう依頼することができます。

注意:
保険代理人との会話中、声は「サービス改善のため」に録音されます。そのため、丁寧に話し、詳細な質問をし、不明な点があれば尋ねることをお勧めします。この録音は、保険契約が被保険者と保険会社の双方にとって公正で透明性のあるものとなるよう役立ちます。

Tuesday, January 21, 2025

เสียงของคุณย่า: พลังผู้สูงวัยเพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรมในยุคสมัยใหม่

ผมเดินไปซื้อเคบับตรุกีใกล้สถานรถไฟฟ้าใต้ดิน Schloss Strasse เดินผ่านกลุ่มผู้คนที่กำลังแจกใบปลิวรณรงค์เกี่ยวกับการเลือกตั้งใหญ่ของเยอรมนีที่ใกล้เข้ามาถึงในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 เยอรมันเป็นที่ยอมรับว่ามีระบบประชาธิปไตยแข็งแกร่งและเป็น Softpower เชิงความคิดการปกครองเผยแพร่ไปทั่วโลก ประเทศไทยของเราก็ยอมรับปรับใช้หลายแนวคิดจากระบบของเยอรมนี

พอเดินผ่านไป พบคุณลุงคุณป้าและผู้สูงอายุกำลังแจกใบปลิว ผมรับใบปลิวมาฉบับหนึ่งซึ่งเขียนเป็นภาษาเยอรมัน ผมอ่านและพอเข้าใจได้เพียงหน้าแรกเท่านั้น แต่ด้วยบริบทของใบปลิว เดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนโยบายอะไรสักอย่างเชื่อมโยงถึงพรรค AfD ที่กระแสกำลังได้รับความนิยมจากฝ่ายขวาของเยอรมนี

กลุ่มที่รณรงค์นี้ชื่อว่า OMAS GEGEN RECHTS (แปลว่า "คุณย่าต่อต้านฝ่ายขวา") เป็นกลุ่มที่แสดงพลังของผู้สูงอายุเพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรม มีกิจกรรมเคลื่อนไหวทางสังคมที่ก่อตั้งขึ้นในเยอรมนี โดยมีจุดเริ่มต้นจากกลุ่มผู้หญิงสูงอายุที่มุ่งมั่นต่อสู้กับลัทธิฝ่ายขวาจัด (Right-wing extremism) การเหยียดเชื้อชาติ และแนวคิดที่บ่อนทำลายประชาธิปไตย ขบวนการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความรับผิดชอบต่อสังคมและอนาคตของลูกหลาน รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์แห่งความอยุติธรรมและเผด็จการในยุโรปเกิดซ้ำอีก

วิสัยทัศน์ของ OMAS GEGEN RECHTS มุ่งมั่นที่จะปกป้องประชาธิปไตย สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม ปฏิเสธแนวคิดฝ่ายขวาจัด และปกป้องสิ่งแวดล้อม 

กลุ่มนี้เชื่อว่าประชาธิปไตยเป็นระบบที่ดีที่สุดในการปกป้องสิทธิของทุกคนและสร้างสังคมที่เท่าเทียม จึงรวมตัวกันขึ้นเพื่อรักษาและเสริมสร้างประชาธิปไตยในยุโรปให้แข็งแกร่ง ยืนหยัดเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Die Würde des Menschen ist unantastbar) และเรียกร้องให้ทุกคนได้รับสิทธิเสรีภาพโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ

ต่อต้านลัทธิเหยียดเชื้อชาติ การกีดกันทางเพศ และความพยายามบ่อนทำลายเสรีภาพทางสังคมและการเมือง และเล็งเห็นถึงความสำคัญของการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เพื่ออนาคตของโลกและความเป็นอยู่ที่ดีของรุ่นถัดไป

ในปี 2017 OMAS GEGEN RECHTS เริ่มก่อตัวขึ้นจากความกังวลต่อการเติบโตของกลุ่มฝ่ายขวาจัดและแนวคิดสุดโต่งในเยอรมนี กลุ่มนี้ก่อตั้งโดยผู้หญิงสูงอายุที่ต้องการแสดงบทบาทในสังคม ด้วยการใช้ประสบการณ์ชีวิตและความทรงจำทางประวัติศาสตร์เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำของการกดขี่และการละเมิดสิทธิ แม้ชื่อของกลุ่มใช้คำว่า "OMAS" แปลว่า "คุณย่า" แต่การเคลื่อนไหวไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้หญิงสูงอายุ สมาชิกประกอบด้วยบุคคลทุกเพศทุกวัยที่มีความมุ่งมั่นร่วมกัน

กิจกรรมและการเคลื่อนไหวสำคัญที่ดำเนินการ เช่น การเดินขบวนและการประท้วงเพื่อต่อต้านลัทธิฝ่ายขวาจัด การรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมทางเพศ และเสรีภาพของสื่อ การให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยและประวัติศาสตร์ เพื่อต่อต้านการบิดเบือนความจริง และการสนับสนุนผู้ลี้ภัยและการส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นต้น

ในใบปลิวแสดงรายละเอียดทั้งเชิงเหตุผล หลักการ และแนวปฏิบัติที่มุ่งมั่นของกลุ่ม รายละเอียดผมจะแสดงทีละหน้า ดังนี้


หน้าแรกแสดงหลักการส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน มุมซ้ายมีคำว่า Ja zur Demokratie แปลว่า "ใช่กับประชาธิปไตย" และประเด็นสำคัญที่ระบุในหน้าแรกเกี่ยวข้องกับค่านิยมหลักในระบอบประชาธิปไตย ได้แก่

1. Menschenrechte - สิทธิมนุษยชน

2. Rechtsstaatlichkeit - หลักนิติธรรม

3. Soziale Gerechtigkeit - ความยุติธรรมทางสังคม

4. Solidarität - ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

5. Gleichberechtigung der Geschlechter - ความเท่าเทียมทางเพศ

6. Meinungs- und Versammlungsfreiheit - เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุม

7. Religionsfreiheit - เสรีภาพในการนับถือศาสนา

8. Pressefreiheit - เสรีภาพของสื่อมวลชน

9. Asylrecht - สิทธิในการลี้ภัย

มุมบนขวายังมีโลโก้ OMAS GEGEN RECHTS หมายถึง คุณย่าต่อต้านฝ่ายขวา


หน้า 2 รายละเอียดเขียนเกี่ยวกับ Säulen unserer Demokratie! (เสาหลักของประชาธิปไตยของเรา!) โดยแยกหัวข้อสำคัญที่เป็นเสาหลักของระบอบประชาธิปไตยไว้ดังนี้

1. Menschenrechte (สิทธิมนุษยชน)

  • กล่าวถึงวันที่ 10 ธันวาคม 1948 เมื่อองค์การสหประชาชาติประกาศ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เพื่อตอบสนองต่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในยุคสมัยนาซี
  • มีการอ้างถึงคำกล่าวของเลขาธิการสหประชาชาติ António Guterres (10 ธันวาคม 2022) ที่ระบุว่าสิทธิมนุษยชนเป็นรากฐานของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเป็นเสาหลักของสังคมที่มีความสงบสุข ครอบคลุม และเท่าเทียม

2. Rechtsstaatlichkeit (หลักนิติธรรม)

  • อธิบายว่ารัฐที่มีนิติธรรมขึ้นอยู่กับการแยกอำนาจ (นิติบัญญัติ, ตุลาการ, และบริหาร) โดยการแยกอำนาจนี้ปกป้องจากอำนาจเผด็จการและการปกครองแบบเผด็จการ

3. Soziale Gerechtigkeit (ความยุติธรรมทางสังคม)

  • ยืนยันว่าการแจกจ่ายทรัพยากรและโอกาสอย่างยุติธรรมในสังคมประชาธิปไตยเป็นสิ่งสำคัญ
  • ระบุถึงความจำเป็นในการลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน และการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน เช่น อาหาร น้ำ และที่พักอาศัย

4. Solidarität (ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)

  • เน้นถึงความจำเป็นที่มนุษย์ทุกคนต้องใส่ใจต่อกัน แม้ว่าจะไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว
  • กลุ่ม "OMAS GEGEN RECHTS" ยืนหยัดเพื่อค่านิยมนี้และต่อต้านความเห็นแก่ตัว

หน้า 3 รายละเอียดเขียนว่า OMAS GEGEN RECHTS – überparteilich und unabhängig (แปลว่า "คุณย่าต่อต้านฝ่ายขวา  ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและเป็นอิสระ")

เหตุผลที่กลุ่ม OMAS GEGEN RECHTS ออกมารณรงค์

  • พวกเขามุ่งมั่นสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา (parlamentarische Demokratie) โดยเน้นคุณค่าและค่านิยมดังนี้:
    • Rechtsstaatlichkeit (หลักนิติธรรม), การอยู่ร่วมกันอย่างให้เกียรติและเคารพความหลากหลาย
    • การอุทิศตนต่อต้านแนวโน้มที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย เช่น การเกลียดชังและการกีดกัน
    • สนับสนุนประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงอายุ เพศ เชื้อชาติ หรือภูมิหลัง

ข้อความต่อต้านพรรคการเมือง AfD (Alternative für Deutschland)

  • มีการอ้างถึงคำพูดของสมาชิกสภาผู้แทนจากรัฐบรันเดินบวร์ก Lars Hüning (18 มกราคม 2024) ที่ระบุว่า หากพรรค AfD มีบทบาทในรัฐบาล พวกเขาต้องการ "ยกเลิกระบบพรรคการเมืองของรัฐ" (Parteinestaat abschaffen) ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย

การเรียกร้องให้เลือกตั้ง

  • ข้อความสรุปในตอนท้ายกระตุ้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 โดยเน้นให้เลือกพรรคการเมืองประชาธิปไตยที่ปกป้องสิทธิมนุษยชน

หน้า 4 กลุ่มให้ข้อมูลวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรค AfD (Alternative für Deutschland) โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิสตรีและสวัสดิการทางสังคม และเป็นการสนับสนุนมุมมองของกลุ่ม OMAS GEGEN RECHTS ดังนี้

ข้อความเกี่ยวกับมุมมองของพรรค AfD ต่อบทบาทของผู้หญิง

  • พรรค AfD มองว่า Frauenwerbstätigkeit (การทำงานของผู้หญิง) และ Gleichberechtigung (ความเท่าเทียมทางเพศ) เป็น "เฟมินิสม์ที่เข้าใจผิด"
  • AfD สนับสนุนบทบาทดั้งเดิมของครอบครัว โดยคาดหวังให้ผู้หญิงทำหน้าที่ดูแลลูกและบ้าน ซึ่งเป็นการส่งเสริมบทบาททางเพศแบบดั้งเดิม

จุดยืนของ OMAS GEGEN RECHTS

  • กลุ่มนี้เน้นว่า "แม่ของเราประสบความทุกข์ทรมานจากบทบาทดั้งเดิมนี้" ซึ่งนำไปสู่การพึ่งพาผู้อื่นและความยากจนในวัยชรา
  • พวกเขาสนับสนุน "สิทธิของผู้หญิงในการใช้ชีวิตอย่างอิสระและเป็นตัวของตัวเอง"

วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของ AfD

  1. สำหรับกลุ่มคนรวย

    • ยกเลิกการจ่าย Solidaritätsbeitrag (ภาษีสมทบพิเศษของคนรวย)
    • ลดภาษีธุรกิจและมรดก
  2. สำหรับกลุ่มแรงงาน

    • ข้อยกเว้นจากค่าแรงขั้นต่ำ (เช่น ในภาคการเกษตร)
    • ยกเลิกการควบคุมราคาค่าเช่าและการสร้างที่อยู่อาศัยทางสังคม
    • ลดระยะเวลาสำหรับการรับเงินช่วยเหลือ Bürgergeld
    • เกษียณอายุโดยไม่มีการลดเงินบำนาญหลังทำงานครบ 45 ปี
หน้า 5 แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของพรรค AfD (Alternative für Deutschland) ที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวออกจากยุโรปและการปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยสรุปได้ดังนี้

1. Die AfD will die Abkehr von Europa

(พรรค AfD ต้องการถอนตัวจากยุโรป)

  • AfD ระบุในแถลงการณ์การเลือกตั้งยุโรปปี 2024 ว่าต้องการ "ยกเลิกสภายุโรป" และกล่าวโดยชัดเจนว่า "ให้เราร่วมกันยุติ EU" (คำพูดจากนักการเมือง AfD ในปี 2023)

จุดยืนของ OMAS GEGEN RECHTS

  • พวกเขาให้ความสำคัญกับสันติภาพในยุโรป ความสะดวกในการเดินทาง การแลกเปลี่ยนเงินตรา และการสื่อสารอย่างเสรีใน EU
  • เน้นว่า EU สร้างความปลอดภัย ความเจริญรุ่งเรือง โอกาสการทำงาน และความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
  • อ้างคำกล่าวที่ว่า "EU คือโครงการสร้างสันติภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นชุมชนทางเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์"

2. Die AfD leugnet den Zusammenhang zwischen Erderwärmung und dem menschengemachten Klimawandel

(พรรค AfD ปฏิเสธความเชื่อมโยงระหว่างภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้น)

  • AfD อ้างว่า "การปกป้องสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องการเมือง ภาวะโลกร้อนไม่สามารถป้องกันได้ และผลกระทบของมนุษย์ต่อสภาพภูมิอากาศยังเป็นที่ถกเถียง"

จุดยืนของ OMAS GEGEN RECHTS

  • พวกเขาเน้นว่าภาวะวิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นความจริง โดยยกตัวอย่าง:
    • น้ำท่วมใน Ahrtal ปี 2021 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 135 คน
    • น้ำท่วมในสเปนปี 2024 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 225 คน
    • จำนวนวันที่ร้อนจัดและไฟป่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • ข้อความสรุป "ปกป้องสภาพภูมิอากาศเพื่อเด็กและหลานของเรา!"

หน้า 6 กลุ่ม OMAS GEGEN RECHTS ได้นำเสนอข้อมูลเพื่อโต้แย้งนโยบายของพรรค AfD (Alternative für Deutschland) ที่ถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและต่อต้านคนต่างชาติ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ข้อความของ AfD ที่วิจารณ์

  • AfD มีจุดยืนต่อต้านคนต่างชาติและมองว่า “ผู้คนที่มีภูมิหลังการย้ายถิ่นฐาน” เป็นภาระต่อระบบสวัสดิการสังคมของเยอรมนี

ข้อเท็จจริงที่ OMAS GEGEN RECHTS นำเสนอ

  1. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยที่มาถึงในปี 2015:
    • ในปี 2022 มีอัตราการจ้างงานของผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้อยู่ที่ 64%
    • 90% ของผู้ลี้ภัยที่มีงานทำ มีงานที่ต้องจ่ายเงินประกันสังคม ซึ่งช่วยสนับสนุนระบบประกันสังคมของประเทศ
  2. เหตุผลของการลี้ภัย:
    • ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่มิได้อพยพมาด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ
    • หลายคนหลบหนีสงครามและผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้น

จุดยืนของ OMAS GEGEN RECHTS

  • พวกเขาระบุว่า "ผู้ลี้ภัยสมควรได้รับการปกป้องและการยอมรับในคุณค่าจากการทำงานของพวกเขา"
  • ข้อความสรุปยืนยันจุดยืนของกลุ่มในการสนับสนุนประชาธิปไตย ความหลากหลาย และมนุษยธรรม พร้อมทั้งประณามนโยบายของ AfD ที่มองว่า “ไร้มนุษยธรรม”


หน้า 7 ค่านิยมและจุดยืนของกลุ่ม OMAS GEGEN RECHTS ในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. Gleichberechtigung der Geschlechter (ความเท่าเทียมทางเพศ)

  • หลังจากการต่อสู้มายาวนานกว่า 100 ปี ความเท่าเทียมระหว่างชายและหญิงทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจเพิ่งสำเร็จในช่วงทศวรรษ 1970
  • OMAS GEGEN RECHTS เน้นย้ำว่าพวกเขาจะไม่ยอมสูญเสียสิทธิขั้นพื้นฐานนี้

2. Meinungs- und Versammlungsfreiheit (เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุม)

  • ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ ตราบใดที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย
  • เสรีภาพนี้สิ้นสุดเมื่อกระทบต่อเสรีภาพของผู้อื่น และต้องไม่ถูกใช้เพื่อปลุกระดมทางจิตใจหรือสร้างความเกลียดชัง

3. Pressefreiheit (เสรีภาพของสื่อมวลชน)

  • ประชาธิปไตยต้องการนักข่าวที่รับผิดชอบในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและอิงข้อเท็จจริง
  • สื่อมวลชนต้องไม่มีการเซ็นเซอร์ และต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและความซื่อสัตย์ในข้อเท็จจริง

4. Religionsfreiheit (เสรีภาพทางศาสนา)

  • ทุกคนมีสิทธิในการปฏิบัติตามศาสนาโดยเสรีภายใต้กฎหมายพื้นฐาน
  • ไม่มีใครควรถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลทางศาสนา
  • การเคลื่อนไหวที่ไม่เหมาะสม เช่น ขบวนการที่มุ่งสร้างรัฐศาสนา ต้องถูกตรวจสอบและยับยั้งโดยกฎหมาย

5. Asylrecht (สิทธิในการลี้ภัย)

  • สิทธิในการลี้ภัยได้รับการบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญของเยอรมนี เนื่องจากประวัติศาสตร์ของยุคนาซี
  • OMAS GEGEN RECHTS ระบุว่าสิทธิในการลี้ภัยเป็นคุณค่ามนุษยธรรมที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างไม่มีเงื่อนไข
  • การป้องกันการล่วงละเมิดสิทธิในการลี้ภัยก็มีความสำคัญเช่นกัน

หน้า 8 จุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสนับสนุนประชาธิปไตย การยึดมั่นในหลักนิติธรรม และการปฏิเสธการเลือกปฏิบัติหรือความไม่เท่าเทียมในสังคม โดยเนื้อหาสำคัญมีดังนี้

ข้อความสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

  • กลุ่มนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ:
    • ประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
    • ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
    • ความอดทนและการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพซึ่งกันและกัน
  • พวกเขายึดหลักสิทธิมนุษยชนที่ระบุว่า "ศักดิ์ศรีของมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเมิดได้"
    • ไม่มีใครควรถูกเลือกปฏิบัติเนื่องจากเชื้อชาติ สีผิว เพศ ศาสนา หรือรสนิยมทางเพศ

ประชาธิปไตยเป็นระบบที่ดีที่สุด

  • ข้อความระบุว่า ประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด เพราะปกป้องสิทธิและเสรีภาพของทุกคน
  • การธำรงประชาธิปไตยต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ต้องมีการเรียนรู้และปรับปรุงอยู่เสมอ

การเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม

  • กลุ่มนี้เชิญชวนให้ทุกคนร่วมกันปกป้องประชาธิปไตยและสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • เน้นย้ำว่า "อย่าเลือก AfD" เพราะมองว่าพรรคนี้มีนโยบายที่เป็นภัยต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

การสนับสนุนเว็บไซต์และข้อมูลเพิ่มเติม

  • ระบุที่อยู่เว็บไซต์ www.omasgegenrechts-deutschland.org เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่ม

ส่วนหน้านี้เป็นใบแทรกพูดถึงการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายด้านสภาพภูมิอากาศของพรรค AfD (Alternative für Deutschland) โดยกลุ่ม OMAS GEGEN RECHTS ซึ่งแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการปฏิเสธของ AfD ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่ชัดเจน โดยเนื้อหาสำคัญประกอบด้วย

1. ข้อกล่าวหาต่อ AfD เกี่ยวกับนโยบายสภาพภูมิอากาศ

  • AfD อ้างว่า "การป้องกันสภาพภูมิอากาศ" เป็นคำทางการเมืองที่ไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน
  • พวกเขาปฏิเสธนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ โดยระบุว่า:
    • "สภาพภูมิอากาศไม่สามารถป้องกันได้"
    • "อิทธิพลของมนุษย์ต่อสภาพภูมิอากาศยังเป็นที่ถกเถียง"

2. ข้อเท็จจริงที่นำเสนอโดย OMAS GEGEN RECHTS

ผลกระทบในยุโรป

  • คลื่นความร้อน น้ำท่วม พายุ และไฟป่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น
  • ธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • พื้นดินเยือกแข็ง (Permafrost) เริ่มละลาย ส่งผลให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เช่น มีเทน
  • ในเทือกเขาแอลป์ เกิดการพังทลายของภูเขามากขึ้น ส่งผลต่อพื้นที่อยู่อาศัย

ผลกระทบในระดับโลก

  • ในช่วง 12 เดือนถึงเดือนพฤษภาคม 2024 ถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์การเก็บข้อมูล
  • อุณหภูมิทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของโลก
  • มีฉันทามติทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ปี 1990 ว่าการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่สามารถอธิบายได้โดยปราศจากอิทธิพลของมนุษย์

และใบแทรงหน้าสุดท้าย ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของพรรค AfD (Alternative für Deutschland) โดยกลุ่ม OMAS GEGEN RECHTS ซึ่งมีจุดยืนที่ชัดเจนในการปฏิเสธมุมมองของ AfD ที่ต่อต้านการปกป้องสภาพภูมิอากาศ รายละเอียดสำคัญได้แก่

1. ข้อกล่าวหาต่อ AfD

  • AfD มองว่าการใช้ทรัพยากรในการปกป้องสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่ “ไม่จำเป็น ขาดความรับผิดชอบทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม”
  • AfD อ้างว่านโยบายการปกป้องสภาพภูมิอากาศเป็น "แผนทางการเมืองเพื่อเก็บภาษีอากาศที่เราหายใจ"

2. ผลที่ตามมาจากความเฉื่อยชาของ AfD

ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

  • ยิ่งปล่อยให้ปัญหาดำเนินต่อไป ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขจะยิ่งสูงขึ้น

ความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อม

  • มีความเสี่ยงที่จะเกิดจุดเปลี่ยน (Tipping Points) อย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ Gulf Stream ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพภูมิอากาศในยุโรป

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้เยอรมนีสูญเสียผลผลิตทางการเกษตรและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 900,000 ล้านยูโรภายในปี 2050

ปัญหาประกันภัย

  • การประกันภัยสำหรับอาคารบ้านเรือนอาจไม่สามารถรองรับได้ในบางพื้นที่ และอาจไม่มีการประกันภัยให้ในบางภูมิภาค

3. การวิจารณ์ AfD

  • AfD ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอยู่ฝ่าย "ผู้ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" และให้การสนับสนุนกลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซ โดยหว่านข้อสงสัยเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจของตน

4. ข้อความสรุป

  • OMAS GEGEN RECHTS เรียกร้องว่า:
    "Keine Stimme den Leugner*innen der Klimakrise!"
    (อย่าให้เสียงสนับสนุนแก่ผู้ปฏิเสธวิกฤตสภาพภูมิอากาศ!)
ผมคิดว่ากลุ่ม OMAS GEGEN RECHTS เป็นตัวแทนที่ชัดเจนของพลังผู้สูงวัยที่ไม่ยอมแพ้ต่อความอยุติธรรมในสังคม โดยกลุ่มนี้ยืนหยัดเพื่อต่อต้านแนวคิดฝ่ายขวาจัด พร้อมทั้งสนับสนุนประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และความหลากหลายทางวัฒนธรรมในเยอรมนี การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นเครื่องเตือนใจว่าความรับผิดชอบต่อสังคมไม่มีขีดจำกัดทางอายุ และการปกป้องค่านิยมประชาธิปไตยเป็นภารกิจที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่ OMAS GEGEN RECHTS ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตื่นตัวทางสังคม แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในทุกวัยร่วมมือกันเพื่อปกป้องเสรีภาพ ความเท่าเทียม และความยุติธรรมในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การทำงานของพวกเขาเป็นการส่งสารถึงทุกคนว่า แม้จะเป็น "คุณย่า" แต่ก็สามารถเป็นแนวหน้าในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้อย่างทรงพลัง

ณัฐพล จารัตน์
เบอร์ลิน 
อากาศหนาว บรรยากาศมืดครึ้ม อุณหภูมิ -1 องศา
21.01.2568

สุดท้ายปิดท้ายด้วย รายการคำศัพท์เกี่ยวกับประชาธิปไตยภาษาเยอรมันที่น่าสนใจครับผม
  • Demokratie - ประชาธิปไตย
  • Rechtsstaatlichkeit - หลักนิติธรรม
  • Menschenrechte - สิทธิมนุษยชน
  • Gleichberechtigung - ความเท่าเทียมกัน
  • Freiheit - เสรีภาพ
  • Meinungsfreiheit - เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
  • Versammlungsfreiheit - เสรีภาพในการชุมนุม
  • Pressefreiheit - เสรีภาพของสื่อมวลชน
  • Religionsfreiheit - เสรีภาพทางศาสนา
  • Toleranz - ความอดทน (ต่อความแตกต่าง)
  • Solidarität - ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
  • Gerechtigkeit - ความยุติธรรม
  • Vielfalt - ความหลากหลาย
  • Wahlen - การเลือกตั้ง
  • Grundrechte - สิทธิขั้นพื้นฐาน
  • Bürgerbeteiligung - การมีส่วนร่วมของประชาชน
  • Zivilgesellschaft - สังคมพลเมือง
  • Pluralismus - พหุนิยม
  • Chancengleichheit - ความเท่าเทียมของโอกาส
  • Antidiskriminierung - การต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
  • Verfassung - รัฐธรรมนูญ
  • Gewaltenteilung - การแบ่งแยกอำนาจ (นิติบัญญัติ, บริหาร, ตุลาการ)
  • Opposition - ฝ่ายค้าน
  • Parlament - รัฐสภา
  • Bürgerrechte - สิทธิพลเมือง
  • Repräsentation - การเป็นตัวแทน
  • Volksentscheid - การตัดสินใจโดยประชาชน (ประชามติ)
  • Asylrecht - สิทธิในการลี้ภัย
  • Minderheitenschutz - การปกป้องชนกลุ่มน้อย
  • Kompromiss - การประนีประนอม