Search This Blog

Showing posts with label เยอรมันและญี่ปุ่น. Show all posts
Showing posts with label เยอรมันและญี่ปุ่น. Show all posts

Thursday, October 16, 2025

คำปราศรัยและเสวนาของ Dr.Johann Wadephul รมว.กต.เยอรมัน ในโอกาสครบรอบ 40 ปีการก่อตั้งศูนย์เยอรมัน-ญี่ปุ่น กรุงเบอร์ลิน (Japanisch-Deutsches Zentrum Berlin:JDZB)

เยอรมันและญี่ปุ่น - หุ้นส่วนระดับพรีเมียมเพื่อเสรีภาพ ความมั่นคง และความมั่งคั่ง (Deutschland und Japan - Premiumpartner für Freiheit, Sicherheit und Wohlstand)

ผมได้เข้าร่วมฟังคำปราศรัยและเสวนาของ Dr.Johann Wadephul รมว.กต.เยอรมัน ในโอกาสครบรอบ 40 ปีการก่อตั้งศูนย์เยอรมัน-ญี่ปุ่น กรุงเบอร์ลิน (Japanisch-Deutsches Zentrum Berlin:JDZB) จัดขึ้นที่ Japanisch-Deutsches Zentrum กรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568

ท่าน รมว.กต. ได้กล่าวปราศรัยอย่างเป็นกันเองกับผู้ร่วมงาน ซึ่งเป็นตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ในเยอรมนี นักการเมือง สื่อเยอรมนีและญี่ปุ่น เข้าร่วมฟังด้วย 

ผมแบ่งเป็น 4 ประเด็น คือ

ประเด็นที่ 1. ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเยอรมัน-ญี่ปุ่น และข้อคิดเห็นจากการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งล่าสุดของท่าน รมว.กต.

ความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีและญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีรากฐานมั่นคงและยืนยาว และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งสองประเทศไม่เพียงแต่เป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่ยังเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ที่มีความหมายในระดับโลก คำปราศรัยท่านได้สะท้อนให้เห็นถึงความต่อเนื่องและความสำคัญของความสัมพันธ์นี้อย่างเด่นชัด และกล่าวยกย่องบทบาทของ JDZB ที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างประชาชนยุโรปกับโลกตะวันออก โดยเฉพาะญี่ปุ่น ทั้งในด้านภาษา วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และการแลกเปลี่ยนทางสังคมมาโดยตลอด นอกจากนี้ ท่านยังได้แบ่งปันความประทับใจเล่าถึงการเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุด โดยยกตัวอย่างระบบรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียวไปโอซาก้า ที่เป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมและประสิทธิภาพของญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่เยอรมนีสามารถเรียนรู้และรับแรงบันดาลใจต่อยอดได้ การเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการทูตเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการรับรู้ถึงศักยภาพและบทเรียนที่สามารถนำมาปรับใช้จริงในเยอรมนี จุดสำคัญของหัวข้อในวันนี้ คือการยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศด้วยคำว่า "Premiumpartner" (Premium Partner) หรือหุ้นส่วนระดับพรีเมียม ที่ก้าวข้ามความร่วมมือทั่วไปไปสู่การเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรมเน้นความสำคัญเชิงกลยุทธ์และสิทธิพิเศษที่ได้รับ

ประเด็นที่ 2. ค่านิยมและผลประโยชน์ร่วมกันในยุโรปและเอเชียตะวันออก

ตามคำปราศรัยเข้าใจได้ว่า เยอรมนีและญี่ปุ่นมีค่านิยมที่คล้ายคลึงกันมาก ทั้งสองประเทศยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งสองประเทศเป็นประเทศอุตสาหกรรมและผู้ส่งออกที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก ผลประโยชน์ร่วมกันที่สำคัญ คือ การรักษาความมั่นคงของเส้นทางการค้าทางทะเลและการคงอยู่ของระเบียบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและมีเสถียรภาพในโลกปัจจุบัน โดยเแฑาะการค้าเสรีที่เป็นธรรมจะสร้างความมั่งคั่งให้แก่ทุกฝ่าย และสร้างความเจริญก้าวหน้าขึ้นได้จากการร่วมมือกัน รวมถึง ความมั่นคงของยุโรปและเอเชียตะวันออกไม่ได้แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง หากแต่เชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น สงครามรัสเซียกับยูเครนที่เกิดขึ้นในยุโรปส่งผลสะเทือนถึงเอเชียตะวันออก เพราะจีนและเกาหลีเหนือเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายรัสเซีย ขณะเดียวกัน ความไม่มั่นคงในเอเชียตะวันออกก็ส่งผลต่อยุโรปผ่านเส้นทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ จึงเป็นเหตุผลที่สองภูมิภาค คือ ยุโรปและเอเชียตะวันออก (เยอรมนีและญี่ปุ่น) นี้ต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกัน และจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด

ประเด็นที่ 3.ความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ท่านเน้นย้ำถึงความมั่นคงหลายครั้งในคำปราศรัย ท่านได้หยิบยกกรณีของภูมิภาคอินโดแปซิฟิกขึ้นมาให้เห็นชัดเจนว่าเป็นภูมิภาคยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ายุโรป ฉะนั้น เยอรมนีต้องตระหนักว่าการคงอยู่ของเสรีภาพในเส้นทางเดินเรือและการปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมยิ่วไปกว่านั้น การที่เยอรมนีส่งกองทัพเรือและกองทัพอากาศเยอรมันไปปฏิบัติภารกิจในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกจึงเป็นสัญลักษณ์และการยืนยันพันธกรณีที่แท้จริง การฝึกร่วมกับญี่ปุ่น เช่น การมาเยือนของเครื่องบิน F-15 จากญี่ปุ่น ที่เมือง Rostock ของเยอรมนี ได้สะท้อนการร่วมมือด้านความมั่นคงที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ

ขณะเดียวกัน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือบีบบังคับทางการเมืองระหว่างประเทศ ความขัดแย้งทางทหารก็ส่งผลกระทบต่อเส้นทางการค้า ดังนั้นการลดการพึ่งพาที่สำคัญ (Critical Dependencies) และการกระจายทางเศรษฐกิจ (Diversification) จึงเป็นวาระร่วมของเยอรมนีและญี่ปุ่น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์และระบบโทรคมนาคมที่ปลอดภัย ญี่ปุ่นก้าวหน้ากว่าเยอรมนี ดังนั้น การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจร่วมกันจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือทวิภาคี

ประเด็นที่ 4. บทบาทของทั้งสองประเทศในการเสริมสร้างระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์

บทบาทของเยอรมนีและญี่ปุ่นในฐานะผู้พิทักษ์ระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์และข้อตกลง ทั้งเยอรมนีและญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายจากมหาอำนาจที่พยายามใช้อำนาจและกำลังทหารเพื่อเขียนกติกาใหม่ ทั้งจากรัสเซียในยุโรป และจากจีนหรือเกาหลีเหนือในเอเชียตะวันออก บทบาทของเยอรมนีและญี่ปุ่นจะต้องไม่เพียงร่วมมือกันในระดับรัฐบาล แต่ยังต้องเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระดับประชาชนและสังคม เพื่อสร้างความเข้าใจ ความไว้วางใจ และความผูกพันที่ยั่งยืน ยกตัวอย่าง ศูนย์ JDZB เป็นตัวอย่างของการสร้างสะพานเชื่อมทางสังคมวัฒนธรรมซึ่งมีค่าเทียบเท่ากับการทูตและความร่วมมือทางการเมืองระหว่างสองประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อทั้งสองประเทศยกระดับตัวเองเป็นหุ้นส่วนระดับพรีเมียมของโลกเสรีประชาธิปไตย ที่พร้อมจะร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพ ความมั่นคง และความมั่งคั่งบนพื้นฐานของกฎเกณฑ์สากล 

ในช่วงท้ายท่านได้กล่าวอย่างมีนัยะสรุปได้ว่า เยอรมนีและญี่ปุ่นไม่ได้ยืนยันร่วมกันในฐานะนักดับเพลิง (น่าจะหมายถึง พันธมิตรที่ถูกเรียกใช้ในยาวมีอันตราย) แต่ทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนที่มีมิตรภาพที่ยั่งยืนและใกล้ชิดทั้งยามสุขและทุกข์

โดโมะ อาริกาโตะ โกะซัยมัส! ดังเคอร์!

16.10.2568

กรุงเบอร์ลิน

วิเคราะห์จากคำปราศรัยของท่านจากลิ้งก์นี้นะครับ

https://www.auswaertiges-amt.de/de/newsroom/wadephul-jdzb-2739728