Search This Blog

Saturday, April 10, 2021

ประมวลจริยธรรมผู้ประนีประนอม หมวดที่ ๒ จริยธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ (ส่วนที่ ๔ การรักษาความลับ)

 ส่วนที่ ๔ การรักษาความลับ 

 ข้อ ๑๐ ผู้ประนีประนอมจักต้องเก็บรักษาบรรดาข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการไกล่เกลี่ย หรือที่ตนได้รู้เห็นมา อันเนื่องจากการทำหน้าที่ผู้ประนีประนอมไว้เป็นความลับ เว้นแต่คู่ความจะ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น เป็นกรณีที่ต้องเปิดเผยตามที่กฎหมายกำหนด หรือ เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการหรือบังคับตามสัญญาประนีประนอม ยอมความ



คำอธิบาย 

 กระบวนการไกล่เกลี่ยมีการดำเนินการที่เป็นความลับ เนื่องจาก ประสงค์ให้คู่ความสามารถพูดคุยและเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาท ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งเสนอเงื่อนไขหรือทางออกสำหรับข้อพิพาทที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องระแวงว่าข้อมูลที่เปิดเผยไปนั้นจะส่งผลเสียต่อรูปคดีหรือชื่อเสียง ผลประโยชน์ได้เสียของตนไม่ว่าในทางใด ๆ ดังนั้น ผู้ประนีประนอมจึงต้อง รักษาข้อมูลที่ได้รับจากคู่ความไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัด ไม่แพร่งพราย ให้บุคคลภายนอกทราบ เว้นแต่คู่ความตกลงกันให้เปิดเผยได้เช่น คู่ความอาจ ยินยอมให้ศาลนำข้อมูลหรือภาพเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยที่ทำขึ้นไปใช้เพื่อ ประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์แก่การศึกษาอบรม หรือเป็นกรณีที่กฎหมาย บังคับให้เปิดเผยข้อมูลนั้น ซึ่งทำให้ต้องเปิดเผยข้อมูลตามหน้าที่ที่กฎหมาย กำหนด หรือเป็นการเปิดเผยเพื่อวัตถุประสงค์ของการดำเนินการ หรือบังคับ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เช่น เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการตีความว่า ข้อตกลงประนีประนอมยอมความที่ทำขึ้นมีความหมายอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อ ให้การบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำขึ้นสอดคล้องกับความ ประสงค์ของคู่ความ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ประนีประนอมอาจสื่อสารสาระสำคัญของข้อมูลที่ เห็นว่าจำเป็นและสำคัญที่จะช่วยให้คู่ความสามารถเจรจาตกลงกันได้ให้ คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งทราบ เว้นแต่เป็นข้อมูลที่คู่ความได้ระบุว่าเป็นข้อมูลที่ เปิดเผยให้เฉพาะผู้ประนีประนอมทราบเท่านั้น

ที่มา https://oja.coj.go.th/th/file/get/file/20180925e5f0a22d198117cfd0dff6676df50240202651.pdf

ประมวลจริยธรรมผู้ประนีประนอม หมวดที่ ๒ จริยธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ (ส่วนที่ ๓ ความขัดแย้งในผลประโยชน์)

 ส่วนที่ ๓ ความขัดแย้งในผลประโยชน์ 

 ข้อ ๘ ไม่ว่ากระบวนการไกล่เกลี่ยจะดำเนินไปแล้วเพียงใด ผู้ประนีประนอมจักต้องเปิดเผยความขัดแย้งในผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแล้ว หรือที่อาจเกิดขึ้นตามที่ตนทราบทั้งหมด ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาล องค์คณะผู้พิพากษา และคู่ความทราบ 

 ความขัดแย้งในผลประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึง 

 (๑) การกระทำหรือความสัมพันธ์ที่อาจก่อให้ผู้ประนีประนอมเกิดอคติ 

(๒) การที่ผู้ประนีประนอมมีผลประโยชน์ไม่ว่าโดยตรงหรือ โดยอ้อมในเรื่องที่เกี่ยวกับข้อพิพาทซึ่งตนดำเนินการไกล่เกลี่ย

(๓) การที่ผู้ประนีประนอมมีหรือเคยมีความสัมพันธ์ทางการเงิน ธุรกิจ วิชาชีพ ครอบครัว หรือทางสังคม กับคู่ความฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง 



คำอธิบาย 

 กรณีที่ผลประโยชน์ซึ่งผู้ประนีประนอมมีอยู่เป็นการส่วนตัว อาจขัดแย้ง กับผลประโยชน์ของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย ทำให้ผู้ประนี ประนอมเกิดอคติในทางที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่คู่ความ และทำให้คู่ความ เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อศาลยุติธรรมไปด้วย ดังนั้น หากผู้ประนีประนอมมี ความขัดแย้งในผลประโยชน์ใด ๆ ที่อาจทำให้ผู้ประนีประนอมเกิดอคติมี ผลประโยชน์ได้เสียไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม หรือมีความสัมพันธ์ ทางการเงิน ธุรกิจ วิชาชีพ ครอบครัว หรือทางสังคมกับคู่ความมาก่อน เช่น เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ ที่ปรึกษาบริษัทของคู่ความ หรือเป็นลูกหนี้เงินกู้ของ คู่ความ ผู้ประนีประนอมจักต้องเปิดเผยความขัดแย้งในผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นดังกล่าว ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาล องค์คณะผู้พิพากษา และ คู่ความทราบ ทั้งนี้ เพื่อคู่ความจะได้มีโอกาสคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่และ กันข้อครหาที่อาจเกิดขึ้น แต่หากคู่ความทราบข้อมูลดังกล่าวแล้วไม่ติดใจ คัดค้าน ผู้ประนีประนอมย่อมสามารถทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยต่อไปได้ 


ข้อ ๙ ผู้ประนีประนอมไม่พึงรับทำการงานใด ๆ ให้แก่คู่ความฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งที่ตนไกล่เกลี่ย ไม่ว่าการไกล่เกลี่ยนั้นจะสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ เว้นแต่คู่ความทุกฝ่ายจะให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร 

ในกรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ผู้ประนีประนอมทำการงานใด ๆ ในระหว่างที่กระบวนการไกล่เกลี่ยยังไม่สิ้นสุด ผู้ประนีประนอมจักต้อง เปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าว ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาล องค์คณะผู้พิพากษา และคู่ความทราบ

คำอธิบาย 

 การรับทำการงานให้แก่คู่ความเป็นอีกกรณีหนึ่งที่อาจทำให้คู่ความ อีกฝ่ายหรือบุคคลภายนอกระแวงสงสัยในความสุจริตและความเป็นกลางของ ผู้ประนีประนอม ไม่ว่าการงานที่รับทำนั้นจะเป็นอาชีพที่ผู้ประนีประนอมทำ เป็นปกติอยู่แล้ว หรือเป็นการรับทำการงานภายหลังการไกล่เกลี่ยสิ้นสุดลง หรือไม่ก็ตาม เนื่องจากคู่ความหรือบุคคลภายนอกอาจเข้าใจว่าเป็นผล ประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ประนีประนอม อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ให้ เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้ผู้ประนีประนอมจึงไม่ ควรรับทำการงานใด ๆ ให้แก่คู่ความ เว้นแต่คู่ความทุกฝ่ายจะให้ความยินยอม เป็นลายลักษณ์อักษร และหากคู่ความให้ผู้ประนีประนอมทำการงานใด ๆ ในระหว่างที่กระบวนการไกล่เกลี่ยยังไม่สิ้นสุด ผู้ประนีประนอมจะต้องเปิดเผย ข้อเท็จจริงดังกล่าว ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาล องค์คณะผู้พิพากษา และ คู่ความทราบ เพื่อให้มีการคัดค้าน หรือยืนยันการทำหน้าที่ หรือถอนตัวจาก การเป็นผู้ประนีประนอม

ที่มา https://oja.coj.go.th/th/file/get/file/20180925e5f0a22d198117cfd0dff6676df50240202651.pdf

ประมวลจริยธรรมผู้ประนีประนอม หมวดที่ ๒ จริยธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ (ส่วนที่ ๒ ความเป็นกลาง)

 ส่วนที่ ๒ ความเป็นกลาง 

 ข้อ ๕ ผู้ประนีประนอมจักต้องวางตนเป็นกลางในการไกล่เกลี่ย ทั้งจักต้องไม่ทำให้คู่ความสงสัยว่าฝักใฝ่ช่วยเหลือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง 



คำอธิบาย 

ศาลยุติธรรมเป็นสถาบันหลักในการอำนวยความยุติธรรมแก่คู่ความ ทุกฝ่ายด้วยความเป็นกลางและเสมอภาค ซึ่งการทำหน้าที่ผู้ประนีประนอม ในศาล ถือเป็นส่วนหนึ่งของการอำนวยความยุติธรรมให้แก่คู่ความด้วย ดังนั้น การดำเนินการไกล่เกลี่ยของผู้ประนีประนอม จึงต้องยึดหลักความเป็นกลาง อย่างเคร่งครัด กล่าวคือ ผู้ประนีประนอมจะต้องไม่พูดหรือแสดงออกใน ลักษณะที่เป็นการเข้าข้างคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และต้องปฏิบัติต่อคู่ความ ทุกฝ่ายเสมอเหมือนกัน ทั้งนี้จะต้องมิให้คู่ความรู้สึกว่าตนได้รับการปฏิบัติ ที่ด้อยกว่าผู้อื่น และเชื่อถือได้สนิทใจว่าผู้ประนีประนอมให้ความเป็นธรรมอย่าง เท่าเทียมกัน โดยปราศจากอคติใด ๆ ทั้งปวง 

 ข้อ ๖ ผู้ประนีประนอมจักต้องไม่ยินยอมให้บุคคลภายนอกใช้ อิทธิพลใด ๆ อันอาจทำให้ผู้ประนีประนอมเสียความเป็นกลาง 

คำอธิบาย 

 ผู้ประนีประนอมต้องรักษาไว้ซึ่งความเป็นกลางของตน โดยไม่ยินยอม ให้บุคคลภายนอก ไม่ว่าจะเป็นบุคคลในครอบครัว มิตรสหาย หรือเหตุอื่นใด มาแทรกแซง กดดัน หรือใช้อิทธิพลใด ๆ อันอาจทำให้การปฏิบัติหน้าที่ ของตนขาดความเป็นธรรม หรือเสียความเป็นกลาง


ข้อ ๗ ผู้ประนีประนอมจักต้องเปิดเผยข้อเท็จจริง อันอาจเป็นเหตุ ให้คู่ความมีความสงสัยตามสมควรในความเป็นกลางของตน ให้ผู้รับผิดชอบ ราชการศาล องค์คณะผู้พิพากษา และคู่ความทราบ 

คำอธิบาย 

 การรักษาความเป็นกลางนั้นรวมถึงการทำให้คู่ความและบุคคลที่ เกี่ยวข้องไม่เกิดความระแวงสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ดังนั้น ผู้ประนี ประนอมจึงต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงใด ๆ ที่อาจทำให้คู่ความมีความสงสัยตาม สมควรในความเป็นกลางของตน ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาล องค์คณะ ผู้พิพากษา และคู่ความทราบ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ตนเกี่ยวข้องกับ คู่ความ ความมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับคดีหรือความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคู่ความ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เช่น เป็นญาตินายจ้าง ลูกจ้าง หุ้นส่วน ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางการสมรส เป็นต้น เพื่อให้มีการ คัดค้านหรือยืนยันการทำหน้าที่ หรือถอนตัวจากการเป็นผู้ประนีประนอม แต่ หากคู่ความทราบข้อมูลดังกล่าวแล้วไม่ติดใจคัดค้าน ผู้ประนีประนอมนั้นย่อม สามารถทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยต่อไปได้ 

ที่มา https://oja.coj.go.th/th/file/get/file/20180925e5f0a22d198117cfd0dff6676df50240202651.pdf