Search This Blog

Showing posts with label บทความนักศึกษา. Show all posts
Showing posts with label บทความนักศึกษา. Show all posts

Wednesday, August 31, 2011

#บทความนักศึกษา : “แฟชั่นโลลิต้าในกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่น”

**บทความนี้เป็นการฝึกหัดเขียนสำหรับการเรียนการสอนวิชาภาษาญี่ปุ่นการจัดการ สาขาบริหารธุรกิจญี่ปุ่น คณะบริหารธุริจ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น อาจมีข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดดัดแปลงจากระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่มีเจตนาคัดลอกเพื่อการพาณิชย์***


มุตตา เกษตรสุวรรณ รหัสนักศึกษา 52132310-5 sec.จันทร์เช้า

นักศึกษาผู้เขียน 

เมื่อกล่าวถึง โลลิต้าก็จะต้องอ้างอิงถึงนวนิยายที่มีชื่อเสียงของวลาดิมีร์ นาโบคอฟ (Vladimir Nabokov) และแฟชั่นโลลิต้าที่วัยรุ่นสวมใส่กันบ่อยครั้ง แม้ว่าจะไม่รู้แน่ชัดว่า โลลิต้า มีจุดเริ่มต้นอย่างไร โลลิต้าที่รู้จักกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่แล้วเริ่มต้นในช่วงปลายยุค 1970s กับการก่อตั้งแบรนด์ชื่อดังอย่าง Pink House and Milk ขายเสื้อผ้าซึ่งจะเหมาะกับมาตรฐานของชุดโลลิต้าทุกวันนี้ และที่ตามมาติดๆ คือ Baby, The Stars Shine Bright และ Metamorphose temps de fille ต่อมาในช่วงยุค 1990s แฟชั่นโลลิต้าเริ่มถูกนำมาใช้โดยวง Malice Mizer และ Visual Kei อื่นๆ ทำให้เป็นที่นิยม วงเหล่านี้สวมเสื้อผ้าที่ประณีตสวยงาม ซึ่งแฟนๆ ของพวกเขาเริ่มนำมาเป็นสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง ในไม่ช้าก็เริ่มแพร่เข้าสู่เขตคันไซ (Kansai) จนในที่สุดก็เข้ามาโตเกียว (Tokyo) ที่ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมของวัยรุ่นญี่ปุ่นไปทั่ว เมื่อวงเหล่านี้เริ่มสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์โลลิต้า ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และแม้ทุกวันนี้ โลลิต้าสไตล์อเมริกันส่วนใหญ่จะบอกว่าพวกเขาได้แบบอย่างมาจากวง Visual Kei ของญี่ปุ่นที่ชื่นชอบ ความนิยมของแฟชั่นโลลิต้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราสามารถพบเห็นได้แม้กระทั่งในห้างสรรพสินค้า


รูปแบบแฟชั่นโลลิต้า

Sweet Lolita 

ใช้สีและการตกแต่งแบบน่ารัก หวานใส ชุดจะตกแต่งด้วยลูกไม้ จีบระบาย และโบว์ต่างๆ เครื่องประดับผม รวมไปถึงที่คาดผมซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแต่งตัวสไตล์นี้ 

 


Pink Lolita 

สามารถ พบเห็นได้ทั่วไปชุดจะเน้นไปที่สีชมพูและสีขาวของลูกไม้หรือสุ่มพองๆ เครื่องประดับ 

 


Princess Lolita 

เป็น การแต่งโลลิต้าที่เน้นความหรูหราเหมือนเจ้าหญิง หรือการใช้ผ้าลายดอกเล็กๆในการตัดเย็บ ถุงมือผ้าเนื้อดียาวถึงข้อศอก การแต่งตัวให้ดูหรูและเรียบร้อยก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำสำหรับการแต่งโลลิต้าส ไตล์นี้ จุดเด่นของเสื้อผ้าสไตล์นี้นอกจากเรื่องลายผ้าแล้ว ยังมีเรื่องความยาวของกระโปรงอีกด้วย กระโปรงจะยาวเลยเข่า หรือพอดิบพอดีเข่าเกือบทั้งนั้น ทรงผม ถ้าไม่ปล่อยตรงก็จะม้วนเป็นมวยเก็บเรียบร้อยและสวยงาม บางครั้งอาจจะมีเทียร่า หรือมงกุฏเล็กๆประดับผมบ้าง ส่วนเครื่องประดับที่เด่นชัดมากมากก็จะเป็นโชคเกอร์ที่ทำจากโบว์กำมะหยี่ เส้นเล็ก ห้อยด้วยจี้สไตล์หลุยส์ หรือสร้อยไข่มุกสีขาวหรือชมพู

  


White Lolita 

เป็น การแต่งโลลิต้าที่ใช้สีขาวทั้งหมดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สไตล์นี้แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่เอาเข้าจริง การแต่งสีขาวทั้งชุดเป็นอะไรที่ค่อน ข้างจะยากเหมือนกัน เพราะสีขาวเองก็มีหลายแบบ เช่นขาวออฟไวท์, ขาวครีม เป็นต้น 

     

 Black Lolita  

ใช้สีดำในการแต่งทั้งหมด หรือ จุดเด่นของชุดคือสีดำ อาจจะมีสีขาวแซมบ้าง อาทิ ชายกระโปรง หรือเสื้อเชิ้ต 

 

 Gothic Lolita 

โก ธิคโลลิต้า หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า โกธโลลิ นั้นเป็นสไตล์ที่มีความคล้ายคลึงกับโกธิคเป็นอย่างมาก แต่เกิดจากการนำจุดเด่นของสไตล์โกธิคมาผสมกับจุดเด่นของสไตล์ของโลลิต้า จึงออกมาเป็นโกธิคโลลิต้า 

สำหรับ สีสันของสไตล์นี้ จะมีได้หลากหลาย อาทิ สีดำ, ขาว, แดง, ม่วงเข้ม ฯลฯ ที่ไม่ใช่สีหวานๆเหมือนสวีท โลลิต้า ส่วนการแต่งหน้านั้นขึ้นอยู่กับว่าอยากจะแต่งให้ออกมาเป็นแนวโลลิต้า คือดูเป็นสาวน้อยน่ารัก หรืออยากจะแต่งออกไปทางโกธิค คือดูดุดันสวยสง่า ก็ตามแต่บุคลิกของคนนั้น


Japanese Traditional Lolita  

เกิดจากการผสมระหว่างแฟชั่นแบบญี่ปุ่นแท้ดั้งเดิม กับสไตล์โลลิต้า สังเกตได้ง่ายๆเลยก็คือ ท่อนบน หรือ เสื้อ นั้น จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่น เช่นพวกยูกาตะ, ใช้ผ้าญี่ปุ่นหรือลวดลายเหมือนญี่ปุ่น, มีสายเหมือนโอบิมาผูกเอว แต่ท่อนล่าง หรือ กระโปรงจะเป็นสไตล์โลลิต้า รวมไปถึงการตัดเย็บ, ตกแต่ง, ของประดับ ก็จะเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่น และ สไตล์ของตะวันตก

  


 Punk Lolita 

สไตล์นี้ค่อนข้างจะ เน้นไปที่ลายสก๊อต, รูปแบบเสื้อผ้าที่แหวกแนว, สีทุกสีตัดกับสีดำ และเติมความหวานของโลลิต้าไปอีกนิดหน่อยด้วยลูกไม้หรือโบว์เล็กบ้างใหญ่บ้าง ตามแต่สไตล์ ส่วนจากเดิมที่โลลิต้าสไตล์จะใส่ถุงน่อง ไม่ก็ถุงเท้ายาวมีลูกไม้ประดับ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นถุงเท้ายาวหลากสี หรือสีสลับเพื่อเพิ่มความเป็นพังค์

 


Maid Lolita 

การนำชุดของสาวใช้แบบตะวันตกมาดัดแปลง เสริม เติม แต่ง ให้มีความเป็นโลลิต้ามากขึ้น ชุดสาวใช้ หรือ เมด ธรรมดาอาจจะเป็นแค่เสื้อแขนตุ๊กตา ชุดเอี๊ยมหรือโปรงสีดำ/น้ำเงิน กับผ้ากันเปื้อนขอบเป็นลูกไม้เท่านั้น แต่ว่า ถ้าคุณเปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงสีพื้นๆธรรมดา เป็นชุดลายดอกไม้เล็กๆ, ใส่สุ่มเพิ่มในกระโปรง, เสื้อมีการตกแต่งเป็นผูกโบว์ระบายลูกไม้น่ารักเพิ่มลงไป หรือ ผ้ากันเปื้อนที่มีการติดโบว์, ลูกไม้, ลูกปัด, หรือพิมพ์ลายการ์ตูนน่ารักๆลงไป ก็จะทำให้ชุดเมดธรรมดา ดูโลลิต้าได้มากขึ้นอีก

     


บทสรุป

แนวโน้มการขยายตัวของแฟชั่นในญี่ปุ่น ทั้งๆ ที่โลลิต้ายังเป็นเพียงวัฒนธรรมย่อยๆ และเป็นแฟชั่นแบบชายขอบ แฟชั่นโลลิต้าก็ยังเป็นตลาดแบบ mass และสามารถพบเห็นบางส่วนบนถนนของเมืองโตเกียวและโอซาก้า บนจอทีวี ในการ์ตูนมังงะ) และเกมคอมพิวเตอร์ ส่วนประเทศอื่นๆ นอกญี่ปุ่น แฟชั่นโลลิต้ายังคงเป็นแฟชั่นชายขอบที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางนัก ทั้ง ๆ ที่โลลิต้าได้เริ่มเผยแพร่ไปยังประเทศอื่นๆ อย่างช้า ๆ เราสามารถเห็นการแต่งคอสเพลย์และปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมญี่ปุ่นอื่นๆ สไตล์โกธิคโลลิต้าบนเวทีคอนเสิร์ตและงานอนิเมะได้ทั้งในแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา น ถึงแม้ว่าแบรนด์ของญี่ปุ่นที่สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงจากต่างประเทศจะมีจำนวนมากขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตามมีสาวกจำนวนมากที่มาเติมช่องว่างที่เหลืออยู่ นิตยสารโกธิคโลลิต้าสามารถหาซื้อได้ทางอินเตอร์เน็ต และร้านหนังสือญี่ปุ่นที่วางจำหน่ายอนิเมและมังงะ สาวกโลลิต้ามักจะเย็บชุดโลลิต้าด้วยตัวเอง บางครั้งก็อาจจะซื้อสำเร็จรูป สำหรับความยากง่ายในการหาซื้อจากประเทศญี่ปุ่น สิ่งเหล่านี้แตกต่างจากแฟชั่นตะวันตกส่วนใหญ่ แฟชั่นโลลิต้ามักจะถูกตั้งความคาดหวังไว้สูงกว่านั้น เสื้อผ้าที่มีคุณภาพสูง ไม่ใช้ลูกไม้ราคาถูก และไม่ใช่ดีไซน์คอสเพลย์ สาวกโลลิต้าจำนวนมากซื้อชุดโลลิต้า accessories และตุ๊กตาผ่านมาทางออนไลน์จากแบรนด์ญี่ปุ่น เช่น Baby, The Stars Shine Bright หรือทาง ebay หรือ Lolita fellow อื่น ๆ

บรรณานุกรม

http://en.wikipedia.org/wiki/Lolita_fashion

http://lolitafashions.blogspot.com/2011/05/oji-lolita-boystyle-and-wa-lolita.html 

http://blckheartsuicide.blogspot.com/   

http://www.ioffer.com/i/Japan-Alice-wonderland-Cosplay-Blue-Lolita-Maid-Costume-170081127 

http://www.khanpak.com 

http://my.dek-d.com/aedom/blog/?blog_id=10128133

http://my.dek-d.com/aedom/blog/?blog_id=1012813  

http://www.animegalleries.net/img/168426

http://www.cosplayying.com/en/chobits-cosplay-costume-chii-pink-lolita-dress-2.html 

http://www.barbecuee.com/index.php?main_page=product_info&products_id=75

http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1951188 

http://www.yourfashion.com.au/altfashiontag/lolita/page/2/ 

http://tanit-isis-stock.deviantart.com/art/Tanit-Isis-White-Lolita-I-179328161

http://www.d-looks.com/showblog.php?Bid=2729

http://th.asiaonline.com/article?article=Lolita_fashion 

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moon-of-july&month=16-06-2010&group=4&gblog=8


Tuesday, August 30, 2011

#บทความนักศึกษา : บทความภาพยนตร์ “ทีมดราก้อน คุณหมอหัวใจแกร่ง”

 ***บทความนี้เป็นการฝึกหัดเขียนสำหรับการเรียนการสอนวิชาภาษาญี่ปุ่นการจัดการ สาขาบริหารธุรกิจญี่ปุ่น คณะบริหารธุริจ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น อาจมีข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดดัดแปลงจากระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่มีเจตนาคัดลอกเพื่อการพาณิชย์***


จุฑามาศ ศิริชัยพัฒนรัชต์ รหัสนักศึกษา 52132061-4

นักศึกษาผู้เขียน 

บทความดังต่อไปนี้ เป็นการนำเสนอแง่มุมบางอย่างที่ได้รับจากการดูซีรีย์เรื่องนี้ และพยายามเชื่อมโยงเข้าสู่แง่มุมการเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต และการทำงานของมนุษย์ และสะท้อนสภาพสังคมในปัจจุบัน มากกว่าที่จะเป็นการวิจารณ์และประเมินค่าเนื้อหาเรื่อง 

ตัวละครหลักทุกตัวในเรื่องล้วนมีเงื่อนปมบางอย่างในชีวิตที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในจิตใจ และนำไปสู่การตัดสินใจเลือกกระทำหรือไม่กระทำบางสิ่งบางอย่าง แต่ละกรณีมีความน่าสนใจและมีแง่มุมบางอย่างให้เรียนรู้

ภาพยนตร์ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยม  มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับทีมหมอศัลยแพทย์ผ่าตัดหัวใจในสมัยใหม่ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ได้ดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่องเดียวกัน  ผู้กำกับบทภาพยนตร์เรื่องนี้มีด้วยกัน 3 คน คือ Mizuta Narihide, Hayama Hiroki, Hoshino Kazunari  ซีรีย์เรื่องนี้ในปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ภาค แต่ที่จะนำมากล่าวให้ทราบเป็นภาคแรก 

เนื้อเรื่องโดยสังเขป

ซีรีย์เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดหัวใจ ที่เรียกว่า การผ่าตัดแบบ บาทิสต้า  ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามศัลยแพทย์ชาวบราซิล ชื่อว่า แรนดาส บาติสต้า ผู้ริเริ่มการผ่าตัดนี้ ใช้ในการรักษา การขยายของหัวใจห้องล่าง ขั้นแรก ตัดเนื้อเยื่อจากหัวใจที่ขยายตัวหรือตัดบริเวณที่มีความผิดปกติ  และเย็บมันกลับคืน จะทำให้หัวใจห้องล่างเล็กลง

เริ่มเรื่องแพทย์ผ่าตัดอัจฉริยะ ชื่อว่า อาซาดะ ริวทาโร่ ได้ผ่านพ้นจากการผ่าตัดผู้บาดเจ็บจากสงคราม และได้กลับชีวิตอย่างสงบอยู่ในแถบชายแดนประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้น แพทย์ อากิระ คาโต้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แผนกหัวใจที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเมชิน  ได้รับรู้ถึงความสามารถของหมออาซาดะ จึงเสนอให้หมอ อาซาดะ มาร่วมทีมในการผ่าตัดแบบบาทิสต้าดังกล่าวด้วย เขาใช้ความสามารถในการช่วยชีวิตคนไข้  ต่อมาเขาได้ตั้งทีมขึ้นมา ชื่อว่า “ทีมดราก้อน” อาซาดะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ จนกระทั่ง โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย

เมชินได้รับผู้ป่วยที่มีหัวใจผิดปกติมาสองราย หนึ่งในนั้นเป็นอดีตพยาบาลในโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเมชิน และอีกรายเป็นเด็กหญิง วัย16 ปี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ยากในการตัดสินใจว่าควรทำการผ่าตัดผู้ใดก่อน แพทย์อากิระ ซึ่งมีความมั่นใจในตัวเองสูง และมีความทะเยอทยานอยู่ในตัว อยากพลิกผันตัวเองมาเป็นศาสตราจารย์ โดยใช้ผลงานการวิจัยในเรื่องของ เทคนิคในการผ่าตัดแบบบาทิสต้าให้สำเร็จ ในตอนแรกแนวคิดของเธอไม่ได้คำนึงถึงชีวิตคนไข้เป็นหลัก เธอห่วงเพียงแค่ว่าให้งานวิจัยของตนสำเร็จและได้เลื่อนตำแหน่งเพียงเท่านั้นพอ แต่การที่เธอได้เข้ามาร่วมทีม ทำให้ได้เรียนรู้เทคนิคและแนวคิดของหมออาซาดะ ที่มีอุดมคติว่าชีวิตคนไข้เป็นสิ่งที่สำคัญ  หมออากิระจึงเปลี่ยนแนวคิดของตน และให้การรักษากับคนไข้ที่ต้องเร่งรีบ

ในการผ่าตัดนั้นแทนที่จะใช้การผ่าตัด เป็นเครื่องมือที่ทำให้งานวิจัย ของตนสำเร็จ  เธอจึงตัดสินใจเลือกผ่าตัดอดีตพยาบาลผู้ที่มีอายุมากกว่า และมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ป่วยอีกราย  การผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดีและสามารถทำการผ่าตัดแบบบาทิสต้าได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แต่ถูกคิริมะ จุนจิ ศัลยแพทย์ ซึ่งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย คิตะนิปปอน นำผลงานไปเสียก่อน 

หลังจากนั้น ทีมดราก้อน ได้ลงมือผ่าตัดคนไข้รายที่สอง ซึ่งเป็นเด็กหญิงวัย 16 ปี ก็สามารถทำได้สำเร็จอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน โนกุจิ ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเมชินเกรงกลัวว่าทีมดราก้อนจะมาแย่งตำแหน่งของตน จึงวางแผนที่จะกำจัดทีมนี้ โดยไม่ให้การผ่าตัดครั้งต่อไปสำเร็จ จึงเกิดการผ่าตัดครั้งที่ 3 ขึ้น แต่คราวนี้ทีมดราก้อนได้รับงานหิน เพราะคนไข้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดเป็นเด็กทารกวัย 9 เดือน ที่มีหัวใจและอวัยวะภายในกลับด้านหมด ทีมนี้ได้ทำการวางแผน และแอบฝึกซ้อมการผ่าตัดมาเป็นอย่างดี ท่ามกลางความคิดของผู้อื่นที่คิดว่าทีมนี้

จะยอมแพ้และล้มเลิกการผ่าตัดครั้งนี้ ซึ่งมีโอกาสสำเร็จน้อยมาก แต่ด้วยความพยายามและการฝึกซ้อม ทำให้การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี โดยให้ทีมทำการผ่าตัดที่กลับด้าน ซึ่งง่ายต่อการผ่าตัด แต่ในระหว่างการผ่าตัดนั้นได้มีผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ามา คือ คิริมะ ที่มีอาการหัวใจฉีกขาด อาซาดะจึงเข้าช่วยและทำให้การผ่าตัดสำเร็จ แต่ในการผ่าตัดบาทิสต้าครั้งที่ 3 อาซาดะไม่สามารถหาส่วนที่ผิดปกติได้ เนื่องจากหัวใจมีขนาดเล็ก เขาจึงตัดสินใจทำการผ่าตัดบาทิสต้าแบบใหม่ โดยใช้มีดกรีดผนังหัวใจและนำมาทบกัน จึงทำให้หัวใจมีขนาดเล็กลงและ ทำให้การผ่าตัดบาทิสต้าครั้งที่ 3 สำเร็จ หลังจากนั้นศาสตราจารย์โนกุจิถูกสั่งให้ย้ายโรงพยาบาล และหมอคาโต้ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ตามที่ตนได้ตั้งใจไว้ อาซาดะวางแผนชีวิตเขาไว้ว่าจะกลับไปช่วยรักษาผู้ป่วยที่บาดเจ็บจากสงครามอีกครั้งและออกเดินทางจากโรงพยาบาลเมชิน เพื่อที่จะแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ 

อุปสรรคมากมายที่พวกเขาได้เจอล้วนท้าทายความ สามารถของพวกเขา แต่พวกเขาทุกคนก็สามารถก้าวผ่านมันไปได้ เพียงเพราะ ความอดทน ความเชื่อใจในทีมของพวกเขา และแรงศรัทธาที่มุ่งมั่นที่จะทำให้ภาระอันยิ่งใหญ่ นั้นประสบผลสำเร็จ รวมทั้งพยายามที่จะรักษาชีวิตของคนไข้ให้ได้ทุกคน  

เบื้องหลังความสนุกนี้ นำมาซึ่งตัวละครในทีมทุกคน ที่ล้วนมีที่มา มีปมต่างๆ ที่ค่อยๆคลี่ออกมาให้คนได้ลุ้นว่าทำไมตัวละครจึงมีลักษณะนิสัยเช่นนี้ แม้กระทั่งตัวร้ายเองที่ทำตัวได้เลวสุดๆ ทำให้คนเกลียดสุดๆ แต่เมื่อปมของเขาได้เปิดเผยออกมากลับเป็นคนที่น่าสงสาร กลายเป็นบุคคลที่ไม่มีใครเลยในชีวิต  ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว จนบีบให้เขาอยากเป็นผู้ชนะ 


ตัวละคร

อาซาดะ ริวทาโร่ 
ศัลยแพทย์ซึ่งได้รับฉายาว่า มือของพระเจ้า เป็นแพทย์อัจฉริยะ ได้ดูแลแคมป์ผู้อพยพเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ถูกคาโต้ อากิระ ที่เล็งตำแหน่งศาสตราจารย์ใน โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเมชินชักชวนให้ทำการผ่าตัดแบบบาทิสต้า อาซาดะเป็นคนที่มีอุดมการณ์แรงกล้า และมีความเชื่อมั่นสูง ทำให้ตัวเขาเอง เป็นที่ขวางหูขวางตาของศาสตราจารย์คนอื่นๆ เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของอาซาดะ ที่ได้มานั้นไม่ได้มีมาแต่กำเนิด แต่สิ่งที่ทำให้เขาสามารถกลายเป็นแพทย์ในระดับแนวหน้าได้นั้น เกิดจากการฝึกฝน และ ประสบการณ์ต่างๆที่สั่งสมมา


คาโต้ อากิระ เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ด้านการผ่าตัดหัวใจแห่งโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเมชินเนื่องจากเป็นทางที่สั้นที่สุดที่จะได้เก้าอี้ศาสตราจารย์  เธอจึงให้อาซาดะทำการผ่าตัดแบบบาทิสต้า และจะนำเอาวิทยานิพนธ์นั้น ไปประกาศ เธอจะสร้างทีมขึ้นมาเพื่อการผ่าตัดแบบบาทิสต้า  แต่ถูกอาซาดะปั่น
ป่วนโดยการไม่ทำตามที่เธอคิด ทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก  แสดงให้เห็นว่า คาโต้ เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง และมีความคาดหวังที่จะได้เลื่อนขั้น  เพื่อเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ต่างๆที่ได้ทำไว้แต่ไม่ถูกต้อง ด้วยความสามารถ ความดี และการช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ทำให้เธอมีความพยายามที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ จนเธอสามารถได้รับตำแหน่งนั้นมาได้อย่างไม่เกินความสามารถ

อิจูอิน โนโบรุ แพทย์ฝึกหัดด้านการผ่าตัดหัวใจของโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเมชิน ด้วยความที่ไม่อยากทำให้เกิดความวุ่นวายต่อกฎขององค์กรแพทย์ในมหาวิทยาลัย ซึ่งค่อนข้างปิดกั้นโดยถือเอาศาสตราจารย์เป็นสูงสุด  จึงสั่นกลัวอยู่ตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้ารุ่นพี่  และคนไข้ ทำให้อิจูอินนั้นไม่ยอมรับอาซาดะที่ละเมิดกฎของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากถูกบังคับให้เข้าร่วมทีมบาทิสต้า จึงเริ่มได้รับอิทธิพลของอาซาดะทีละน้อย สิ่งสำคัญที่แสดงออกมาในตัวละครตัวนี้ คือ ความเกรงกลัวอิทธิพลในโรงพยาบาล ทำให้เขาปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด แม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ถูกต้องก็ตาม แต่หลังจากที่เขาได้รับอิทธิพลของอาซาดะ ทำให้เขากล้าที่จะลุกขึ้นสู้ และ ต่อต้านความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล  แม้ในเรื่องตัวละครนี้จะไม่ได้มีความสามารถในระดับอัจฉริยะ เหมือนแพทย์คนอื่นๆในทีม แต่ก็แสดงให้เห็นถึง ความมุ่งมานะ ความพยายาม ที่จะทำหน้าที่ของตนเองออกมาให้ดีที่สุด เป็นตัวละครที่สื่อถึงความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ปกติ  ที่มีอารมณ์ความรู้สึก ความท้อแท้ สิ้นหวังในบางครั้ง แต่เขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้น และยืนหยัดด้วยตัวเองอีกครั้ง ดังสำนวนที่กล่าวไว้ว่า ท้อได้ แต่อย่าถอย ล้มได้ แต่ต้องลุกและก้าวไปข้างหน้าเสมอ


อาราเสะ มอนจิ วิสัญญีแพทย์ระดับอัจฉริยะ ของโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเมชิน ซึ่งอาซาดะต้องการนำมาร่วมทีมผ่าตัดบาทิสต้า เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่มีความเป็นมาที่ซับซ้อน เนื่องจากได้รับผลกระทบและต่อต้านงานวิจัยทุกชนิด เนื่องจากงานวิจัยของเขา ที่ทำขึ้นนั้นมีผลกระทบต่อคนไข้ จนถึงเสียชีวิตไปหลายราย ทำให้เขารู้สึกผิด และไม่อยากที่จะทำงานอีกต่อไป ถ้าหากต้องการให้เขาทำงานจะต้องจ่ายค่าจ้างในอัตราที่สูงมาก แต่ภายหลังก็มีเหตุการณ์พลิกผัน อาซะดะสามารถที่จะเกลี่ยกล่อมให้เขามาทำงานได้สำเร็จ รวมทั้งทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น จนอาจไม่หลงเหลือความเศร้าในเหตุการณ์ครั้งนั้นอีกต่อไป ตัวละคร ตัวนี้แสดงให้เห็นว่า คนเราทุกคนมีโอกาสตัดสินใจผิดพลาด หรือทำสิ่งที่ผิดพลาดได้ เพียงแต่เรารู้สึกสำนึกผิด และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ทุกคนก็ล้วนที่จะให้อภัยในความผิดนั้นเสมอ



ฟูจิโยชิ  เคอิชิ แพทย์ด้านระบบหมุนเวียนภายในของโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเมชิน เป็นแพทย์ชั้นยอดด้านการสอนข้างเตียงคนไข้ มีจิตใจที่อ่อนไหว แต่ว่าด้วยความที่ให้ความสำคัญกับคนไข้มากเกินไป ทำให้ไม่ยอมมอบคนไข้ให้กับศัลยแพทย์ง่ายๆ เนื่องจากคิดว่าศัลยแพทย์เป็นเพียงหมอผ่าตัดที่ไม่คำนึงถึงจิตใจของคนไข้ หลายครั้งทำให้เกิดปัญหากับการรักษา เริ่มแรกเขาก็ไม่ยอมรับในตัวอาซาดะ แต่เมื่อเห็นถึงฝีมืออันยอดเยี่ยมของเขาแล้ว จึงค่อยๆ ยอมรับอาซาดะเป็นตัวละครที่มีจิตวิทยาสูง รู้จักวิธีการสื่อสารกับคนไข้ และเข้าใจคนไข้เป็นอย่างดี เพื่อให้คนไข้สบายใจ และต่อต้านความไม่ถูกต้อง ยืนหยัดด้วยทัศนคติของตนเอง ไม่สามารถถูกชักจูงได้ง่าย คำนึงถึงแต่สิ่งที่ตนเองคิดว่าถูกต้อง


ซาโตฮาร่า มิกิ พยาบาลอัจฉริยะที่ชื่นชมอาซาดะ มีฝีมือและความรู้ด้านการรักษาพยาบาลที่ยอดเยี่ยมมากกว่าหมอทั่วไป เธอก็เคยเป็นพยาบาลผู้ช่วยการผ่าตัดที่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยคิตะนิปปอน  เช่นเดียวกับ อาซาดะ หลังจากนั้นก็เข้าร่วมทีมผ่าตัดบาทิสต้า กับอาซาดะ และเป็นกำลังสำคัญในทีมด้วย อาซาดะนั้นเมื่อรับข้อเสนอของคาโต้แล้ว ก็เรียกให้มิกิมาร่วมทีมบาทิสต้า แต่ระหว่างมิกิและคิริชิมะนั้นมีความลับที่สำคัญอยู่

 


คิริมะ จุนจิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการผ่าตัดหัวใจแผนกช่องอกของโรงเรียนคู่แข่งที่มีดวงเกี่ยวข้องกับอาซาดะ  ศัลยแพทย์ผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมทัดเทียมกับอาซาดะ ซึ่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการผ่าตัดหัวใจแผนกช่องอกของมหาวิทยาลัยคิตะนิปปอน ที่เป็นโรงเรียนคู่แข่งของมหาวิทยาลัยเมชิน มีความคิดที่จะเป็นผู้นำแห่งโลกของการผ่าตัดหัวใจในญี่ปุ่น ความจริงแล้วคิริชิมะเป็นรุ่นพี่ของอาซาดะ ในช่วงที่เขายังอยู่มหาวิทยาลัย คิตะนิปปอน  แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นทำให้เขาเกลียดอาซาดะ  ตัวละครนี้  มีความเครียดบางอย่างอยู่ในตัว เกิดจากการที่เมื่อวัยเด็ก ได้เห็นแม่ฆ่าตัวตายไปต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่บอกว่ารักลูก ทำให้เขาต้องใช้ชิวิตอยู่อย่างคนเดียว และคิดว่าไม่มีใครที่รักเขาจริง ขนาดแม่ที่บอกว่ารักตนยังจากไปโดยไม่ร่ำลา จึงทำให้เขากลายเป็นคนที่มีความอิจฉาริษยา ต้องการการยอมรับจากผู้อื่น ไม่ชอบการดูถูกเหยียดหยาม รักตนเองมากกว่าคนอื่นๆ จนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในที่สุด แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับ และเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ว่ามีคนที่รักเขาอยู่ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม  ตัวละครนี้แสดงให้เห็นว่า แต่ละคนล้วนมีปมต่างๆ ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะยอมรับ และสามารถปรับตัวให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้มาทำลายชีวิตเราได้หรือไม่  ถ้าทุกคนมีความเข้าใจในตัวคนๆนั้น รับรู้ปัญหาของเขา ก็สามารถที่จะยอมรับ และให้อภัยในสิ่งที่เขาทำผิดได้ ลักษณะนิสัยที่เกิดจากปมปัญหาในชีวิต สามารถที่จะแก้ไขได้ เพียงแต่ต้องมีคนที่เข้าใจ และสามารถมองเห็นจุดเล็กที่อ่อนไหว ในจิตใจของเขา

  


โนงุจิ ศาสตราจารย์ ภาควิชาศัลยศาสตร์หัวใจ ผู้กุมอำนาจ โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเมชิน ผู้ที่คอยขัดขวางการทำงานของอาซาดะ และคำนึงถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจ มากกว่าชีวิตของคนไข้แนวคิดที่ซีรีย์ เรื่องนี้ได้ฝากเอาไว้  ซีรีย์เรื่องนี้แฝงแนวคิด และมุมมองของคนญี่ปุ่น ไว้ได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นถึง การที่เราจะสามารถทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้นั้นต้องอาศัยการฝึกฝนและการเรียนรู้ อันมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา  การเรียนรู้อาจไม่ได้อยู่แค่ตำราที่เราศึกษาย่างเดียว บางครั้งอาจต้องใช้การฝึกฝน ยิ่งเราฝึกฝนสิ่งนั้นมากเท่าใด เราก็จะมีความเก่งและความชำนาญในด้านนั้นมากยิ่งขึ้น ประสบการณ์อาจไม่จำเป็นต้องเกิดจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิดด้วยตนเอง หากแต่เกิดจากการรับฟังหรือศึกษาจากผู้อื่นก็ได้  อาจเกิดจากคนที่ลองผิดลองถูกมาแล้ว หรือจากประสบการณ์ของคนรอบข้าง หากเราเปิดใจที่จะรับความเห็นของเขา เราย่อมได้ความรู้นั้นกลับมาไม่มากก็น้อย  เราไม่ควรยึดมั่นในความคิดของเราคนเดียวว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกเสมอ เราควรรับฟังคนอื่น เพราะเขาอาจเห็นสิ่งที่เราไม่เห็น หรือมองข้ามไปก็ได้ ตัวละครในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นมีความรักพวกพ้อง ถ้าหากมีคนของแผนกใดทำผิด คนในแผนกนั้นก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ หรือรับผิดชอบความผิดนั้นรวมกัน ดังสำนวนในเรื่องที่กล่าวไว้ว่า คนเราไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีคนที่ต้องการเราและให้ความช่วยเหลือเราเสมอ

ถ้าหากเป็นคุณให้เลือก ระหว่าง ชีวิตคนไข้ที่เป็นคนในครอบครัว,ผู้มีพระคุณ กับ คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก หรือ ระหว่าง คนไข้ กับ ผลประโยชน์ทางธุรกิจ  คุณจะเลือกทำสิ่งใดก่อน หากเป็นมนุษย์ปกติธรรมดา คงจะเลือกรักษาชีวิตคนในครอบครัว,  เลือกผลประโยชน์ทางธุรกิจก่อน  แต่หากคำนึงถึงหลักความถูกต้องแล้ว ย่อมเลือกที่จะรักษาคนไข้ที่อยู่ในภาวะจำเป็นก่อน โดยไม่คำนึงว่าเขาจะเป็นคนในครอบครัวเราหรือไม่,ไม่คำนึงว่าเราจะเสียผลประโยชน์นั้นมากแค่ไหน หากคุณเลือกรักษาคนในครอบครัว,เลือกผลประโยชน์ ก่อนที่จะคำนึงถึงความถูกต้องแล้ว 

ขอชื่นชมแนวคิดของเรื่องนี้ ที่ทำ ให้เข้าใจถึงความถูกต้อง ไม่เลือกปฏิบัติ ในการรักษาผู้ป่วย ในขณะที่หมอบางคน เลือกความสำเร็จในงาน เลือกรักษาคนรวยก่อนคนจน เลือกรักษาคนรู้จักพวกพ้องก่อนคนแปลกหน้า

จากเนื้อเรื่องบางตอนมีบางอย่างที่แพทย์ให้พยาบาลทำ แล้ว ผิดต่อหลักจรรยาบรรณ จรรยาบรรณ หมายถึง หลักในการปฏิบัติอันเหมาะสมที่ถูกกำหนดขึ้นให้ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพนั้นๆพึงปฏิบัติ กฎนี้ตั้งมาเพื่อคำนึงถึง ความปลอดภัยเป็นหลัก แต่ในทางปฏิบัตินั้นย่อมมีข้อขัดแย้งกันระหว่างจรรยาบรรณกับสิ่งที่ควรปฏิบัติในฐานะคน  คนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลานั้นแล้วคงต้องเลือกว่าจะยึดสิ่งใดเป็นหลักระหว่าง จรรยาบรรณ หรือ ชีวิตคนไข้

เรื่องนี้แสดงถึงความสามัคคี โดยเฉพาะในขณะทำการผ่าตัดต้องอาศัยความสามัคคี และความเชื่อใจกันเป็นอย่างยิ่ง หากขาดสมาชิกคนใดคนหนึ่งในทีมไป ย่อมทำให้ทีมนั้นเดินต่อไปได้ยาก แม้ว่าเราจะเก่งมากแค่ไหนก็ตามถ้าหากขาดลูกทีมแล้วความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ยาก  และอาจนำมาซึ่งความล้มเหลว ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าสมาชิกทุกคนในทีมมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ไม่มีผู้ใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

หากคุณรับชมซีรีย์เรื่องนี้แล้ว จะเกิดความรู้สึกรักในวิชาชีพแพทย์ เกิดแรงบันดาลใจที่จะเป็นแพทย์ที่ดี และรักษาคุณธรรมอย่างหมออาซาดะ ในตอนที่กล่าวไว้ว่า ทุกคนเป็นคนไข้ที่เราต้องรักษา เขาจนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่ว่าเขาจะเป็นศัตรูของเราก็ตาม

สุดท้ายเรื่องนี้แสดงให้เห็นลักษณะของคนญี่ปุ่นที่ว่า ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามเข้ามามากเพียงใด พวกเขาก็พร้อมที่จะรับมือและต่อสู้กับมัน ในทุกๆสถานการณ์ โดยไม่ย่อท้อ
.............................................

ข้อมูลเพิ่มเติมศึกษาจากวิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/ทีมดราก้อน_คุณหมอหัวใจแกร่ง