"Eldorado: Everything the Nazis Hate" เป็นภาพยนตร์สารคดีที่กำกับโดย Benjamin Cantu ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของชุมชน LGBTQ+ ในกรุงเบอร์ลินช่วงทศวรรษ 1920 โดยมีไนต์คลับ "Eldorado" เป็นศูนย์กลาง ภาพยนตร์นี้สำรวจความรุ่งเรืองและความเสื่อมถอยของเสรีภาพทางเพศในยุคนั้น รวมถึงผลกระทบจากการขึ้นสู่อำนาจของพรรคนาซี
ไนต์คลับ Eldorado ตั้งอยู่ในย่านเชินเนอแบร์ก เป็นสถานที่ที่ชุมชนเกย์ เลสเบี้ยน และคนข้ามเพศมารวมตัวกัน เพื่อแสดงออกถึงตัวตนและเสรีภาพทางเพศ ที่นี่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก สร้างบรรยากาศของความหลากหลายและความเปิดกว้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคนาซีขึ้นสู่อำนาจ สถานที่เหล่านี้ถูกปิดตัวลง และชุมชน LGBTQ+ ต้องเผชิญกับการกดขี่และการประหัตประหาร
สารคดีนี้ใช้ฟุตเทจเก่าและการสัมภาษณ์ผู้ที่มีประสบการณ์ตรง เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของบุคคลสำคัญในยุคนั้น เช่น Magnus Hirschfeld นักเพศวิทยาที่เป็นผู้บุกเบิกการดูแลสุขภาพสำหรับคนข้ามเพศ และ Ernst Röhm สมาชิกพรรคนาซีที่เป็นเกย์ ซึ่งถูกสังหารโดยระบอบที่เขาช่วยสร้างขึ้น ภาพยนตร์นี้ยังสำรวจบทบาทของกฎหมาย Paragraph 175 ซึ่งใช้ในการกดขี่ชุมชนเกย์ในเยอรมนี ทั้งในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
"Eldorado: Everything the Nazis Hate" ไม่เพียงนำเสนอประวัติศาสตร์ของชุมชน LGBTQ+ ในเบอร์ลิน แต่ยังเป็นการเตือนใจถึงความเปราะบางของเสรีภาพและความสำคัญของการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ภาพยนตร์นี้ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ว่าเป็นการนำเสนอประวัติศาสตร์ที่เข้าถึงได้และมีพลัง ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของการไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวของชุมชน LGBTQ+ ในยุโรปช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง "Eldorado: Everything the Nazis Hate" เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาด เนื่องจากให้ภาพรวมที่ชัดเจนและลึกซึ้งเกี่ยวกับความรุ่งเรืองและความท้าทายที่ชุมชนนี้ต้องเผชิญ และเป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของการรักษาและปกป้องเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนในสังคมปัจจุบัน
----------
วันที่ 2 ธันวาคม 2567
วันนี้ผมย้อนกลับไปชมสารคดี "Eldorado: Everything the Nazis Hate" อีกครั้ง ภาพยนตร์ที่ทำให้เห็นภาพความรุ่งเรืองของชุมชน LGBTQ+ ในกรุงเบอร์ลินช่วงปี 1920 ก่อนที่ทุกสิ่งจะถูกกลืนหายไปในยุคมืดแห่งการปกครองของพรรคนาซี Eldorado ไม่ใช่เพียงไนต์คลับ แต่เป็นพื้นที่ปลอดภัย ที่ผู้คนหลากหลายเพศสภาพสามารถแสดงตัวตนอย่างเสรี ท่ามกลางความหลากหลายและสีสันของเมืองที่เปล่งประกายที่สุดในยุโรปตอนนั้น
เมื่อคิดถึงประเด็นนี้ในบริบทปัจจุบัน ผมเริ่มวิเคราะห์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติปี 2023 ซึ่ง Eldorado และเรื่องราวของมันเชื่อมโยงได้อย่างลึกซึ้งกับเป้าหมายหลายข้อ
SDG 5: ความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality)
Eldorado สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างพื้นที่ที่ทุกเพศสภาพได้รับการยอมรับ แม้ในยุคที่สังคมเต็มไปด้วยอคติและการกดขี่ ชุมชน LGBTQ+ ในเวลานั้นเป็นตัวอย่างของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม ซึ่งเป็นหัวใจของ SDG 5 การสร้างพื้นที่ที่ทุกคนสามารถมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และการลดการเลือกปฏิบัติ ถือเป็นแนวคิดที่ยังคงมีความสำคัญในโลกปัจจุบัน
SDG 10: การลดความเหลื่อมล้ำ (Reduced Inequalities)
เรื่องราวของ Eldorado เป็นตัวแทนของความพยายามลดความเหลื่อมล้ำในสังคมยุคนั้น แม้ว่ามันจะถูกทำลายลงในภายหลัง การยกย่องความหลากหลายทางเพศและความพยายามสร้างสังคมที่คนทุกกลุ่มมีโอกาสเท่าเทียม คือแนวทางที่ SDG 10 มุ่งเน้น
SDG 16: สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง (Peace, Justice, and Strong Institutions)
การล่มสลายของ Eldorado ภายใต้ระบอบเผด็จการนาซีเป็นบทเรียนสำคัญของการขาดสถาบันที่ปกป้องสิทธิมนุษยชน SDG 16 จึงเรียกร้องให้เราสร้างกลไกที่ช่วยปกป้องสิทธิและเสรีภาพ เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย Eldorado เตือนให้เราระลึกถึงความเปราะบางของเสรีภาพและหน้าที่ของเราที่จะรักษามันไว้
SDG 11: เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities)
เบอร์ลินในยุค 1920 เป็นตัวอย่างของเมืองที่เปล่งประกายด้วยวัฒนธรรม ความหลากหลาย และความสร้างสรรค์ Eldorado ช่วยสร้างพลวัตทางสังคมที่หล่อหลอมเมืองนี้ SDG 11 เน้นให้เราออกแบบเมืองและชุมชนที่เปิดกว้าง ยั่งยืน และไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เมื่อคิดถึง Eldorado และบริบทของ SDGs มันทำให้ผมตระหนักว่า เรื่องราวในอดีตสามารถให้แรงบันดาลใจในการสร้างอนาคตได้ หากเราเรียนรู้และลงมือทำเพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนได้รับการยอมรับ เคารพ และปกป้อง ผมหวังว่า Eldorado จะเป็นบทเรียนและแสงสว่างที่ช่วยชี้นำเราในเส้นทางนี้
ณัฐพล จารัตน์
กรุงเบอร์ลิน
No comments:
Post a Comment